หุ้นไทยตกมาพอสมควร ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ผมได้เข้าไปศึกษาเพื่อหาหุ้นลงทุน ส่วนหุ้น HK ส่วนที่ผันผวนของพอร์ตก็คือ sector ที่อยู่ในวิกฤติคือ property management แต่หุ้นกลุ่มที่เป็น utility เดินหน้าบวกต่อเนื่อง หุ้นบางตัวผมที่ถือไว้ในกลุ่มนี้ทำ 52WH ต่อไป และหุ้นการเงินก็มีราคาทรงตัวในระดับที่ไม่ลงและบางตัวก็ 52WH เช่นกัน
ผมยังรอว่าผมจะกลับเข้าไปลงในหุ้นสิ่งแวดล้อมเพิ่มหรือไม่ มีแนวโน้มว่าต้องซื้อ เพราะหุ้นกลุ่มนี้เดินหน้าบวกกันต่อเนื่อง
ส่วนหุ้นไทยผมได้อ่านหุ้น auct ใน thaivi เพื่อประเมินมุมมองของตลาดแต่พบว่าบางท่านที่เป็นนักลงทุนไม่เข้าใจความสัมพัธ์ของกิจการในห่วงโซ่พวกนี้ นั้นเพราะไม่เข้าใจขบวนการด้านกฎหมาย
ตัวละครในนี้ประกอบด้วย
ธนาคาร กับ ลูกค้า กับ auct กับ AMC
และความสัมพันธ์ สัญญาขายอสังหา(บ้าน) และสัญญาเช่าซื้อ(รถยนต์)
พอไม่เข้าใจก็อาจจะมีประเด็นสำคัญที่วิเคราะห์ผิด
ผมจะอธิบายระหว่าง ขายบ้าน และขายรถยนต์ดังนี้
บ้าน(และที่ดิน)ขายขาด เป็นการขายตั้งแต่วันแรกที่ทำสัญญา กรรมสิทธิ์ได้โอนไปยังผู้ซื้อแล้ว แต่บ้าน+ที่ดินจะติดจำนองกับธนาคาร ธนาคารอยู่ในฐานะเจ้าหนี้(ธนาคารอยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ หรือเราเรียกว่าจำนอง) เมื่อต่อมาเป็น NPL มูลหนี้จะถูกขายให้ AMC ผ่านการประมูลหรือตกลงราคายังไงก็ได้เพื่อให้ AMC ไปดำเนินการฟ้อง(บังคับตามสัญญา)ลูกหนี้แทนธนาคร เราจะเรียกว่าเป็นการโอนสิทธิในมูลหนี้ หรือธนาคารจะทำการดำเนินการบังคับสัญญาเองก็ได้ จะเห็นว่า AMC ได้ไปทั้งมูลหนี้และสิทธิเหนือสินทรัพย์(ก็คือการจำนองนั้นเอง) และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้เจ้าหนี้ก็นำทรัพย์ไปขายทอดตลาด ได้เงินเท่าไหร่ก็มาหักหนี้ และค่าดำเนินการ ถ้าเหลือก็คืนให้ลูกหนี้ ถ้าไม่พอก็ฟ้องกันต่อไป
ในขณะการผ่อนรถยนต์นั้นคือการเช่าซื้อ หมายความว่า ธนาคารปล่อยเช่าและหากผู้เช่าชำระเงินครบตามสัญญาก็มีสิทธิในการซื้อ(ในราคาที่กำหนด อาจจะเป็น 0 บาท) นั้นแปลว่า รถยนต์ไม่ใช่ของผู้เช่าซื้อแต่เป็นของธนาคาร เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือ NPL ธนาคารก็ไปยึดของที่เป็นของธนาคารคืนมา ธนาคารก็จะทำการสร้างสิ่งที่เรียกว่าหลักฐานความเสียหายเพื่อนำความเสียหายไปฟ้องผู้เช่า แต่โดยหลักของกฎหมายแล้วผู้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะนำรถยนต์มาคืนได้(แต่ต้องเป็นการคืนในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาเช่า ก็คือไม่ค้างเช่าซักงวดเลย)แต่คนส่วนใหญ่ไม่เศึกษาตรงนี้ เมื่อไปยึดรถมาแล้วก็ทำการขายทอดตลาด ขายเองไม่ได้ใช่ไหม คำตอบคือใช่ จำเป็นต้องขายทอดตลาดเพราะเป็นการประมูลทางสาธารณะ เพื่อที่จะยืนยันว่ามูลค่ารถยนต์นั้นเป็นเท่าไหร่ เมื่อได้เงินหักค่าดำเนินการทั้งหลายหากไม่พอชำระความเสียหาย ธนาคารก็จะฟ้องลูกหนี้ต่อไป และอาจจะขายต่อไปยัง AMC จะเห็นว่า AMC ไม่ได้สิทธิในรถยนต์ไปด้วยเพราะไม่ใช่ของผุ้เช่าซื้อ เป็นการโอนสิทธิในมูลหนี้ที่ ‘ขาดไป’ไปยัง AMC ให้ดำเนินการทวงหนี้ต่อเท่านั้น
กระบวนการพวกนี้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ใช่ว่าจะทำกันโดยอำเภอใจ เมื่อเข้าใจขบวนการทางกฎหมายเราก็เข้าใจธุรกิจ แต่เราก็ไม่ถึงกับไปเรียนกฎหมายแล้วถึงจะเข้าใจ
ธุรกิจ AUCT จึงเป็นผู้ดำเนินการให้ปรากฎราคาตลาดของทรัพย์นั้น มันมีความเป็น cycle ระดับหนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นความต้องการก็ลด เมื่อเศรฐกิจตกต่ำความต้องการก็สูงขึ้น สินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินงานของ AUCT นั้นไม่มีอะไรเลย มีคน มีพื้นที่ประมูลและเก็บรถ และการดำเนินงานตามขั้นตอบของกฎหมายให้เคร่งครัด
เราจึงไม่สามารถไปประเมินกิจการด้วย P/BV หรือ แม้แต่ P/E ได้หากเราจะลงทุนกับมัน ถ้าโดยทั่วไปก็คือซื้อตอนเศรษฐกิจดีขายตอนเศรฐกิจแย่ แต่ cycle นี้อาจจะยาวระดับหนึ่งเลยครับ ไม่ได้สั้นเหมือนบาง commodity ตัว auct ยังคงมีงานเยอะต่อไปอีกซักพัก และเราต้องติดตามคือยอดขายรถยนต์ลดแค่ไหน เพราะส่วนนี้จะไปเป็น NPL หรือสินค้าของบริษัทต่อไป ถ้ารถยนต์ขายไม่ได้วันนี้ วันหน้าสินค้าของ auct ก็ไม่มีให้ขาย
auct กำลังอยู่ในช่วงที่ enjoy ที่สุดแล้วครับ ถ้าหุ้นวิ่งแรงๆสิ่งที่จะทำคือ take profit ครับ