🔥[สรุป] หลักสูตรอบรมการลงทุนแบบเน้นคุณค่า : THAI VI 21 (Part 7)🔥
……………………………………………
✴️“ช่วงเริ่มต้นศึกษาการลงทุน มักออกเรี่ยวแรงมาก แต่ได้ผลลัพธ์น้อย ขออย่าเพิ่งล้มเลิกความตั้งใจ พยายามหน่อย สักวันหนึ่งผลลัพธ์มันจะก้าวกระโดดแบบไม่ทันรู้ตัว อย่าท้อ เราไม่มีวันรู้หรอกว่าจะสุดทางเมื่อไหร่” : ศรุติ โชติเสรีวิทย์
………………………………
Dopamine (โดพามีน : สารสื่อประสาทที่ทำงานร่วมกับสมอง) ส่งผลต่อสภาพจิตใจ เกิดความรู้สึกพึงพอใจเมื่อคาดหวังแล้วได้รับรางวัลคืนกลับมา ทำให้เกิดความสุข ความรัก โลภ โกรธ หลงใหล ก่อตัวภายในจิตใจ หากคุณเป็นนักลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นนั้น ‘Dopamine’ ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อหรือขายหุ้นในตลาด
………………………………
💸เหตุใดจึงมีเพียงคนส่วนน้อยที่เป็นผู้ชนะในตลาดหุ้น?
…
🟢ผู้คนส่วนใหญ่กว่า 80% ลงทุนในตลาดหุ้นแล้วขาดทุน สำหรับผมแล้วการลงทุนมีปัจจัยสำคัญอยู่ 3 อย่าง
…
1️⃣ มีเงิน (ออมเพื่อนำมาลงทุน)
…
2️⃣ มีทัศนคติที่ดี นั่นคือมีกระบวนการคิด ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจและพฤติกรรมทางการลงทุน
…
3️⃣ มีระบบที่ดี นั่นคือกระบวนการลงทุน เป้าหมายการลงทุนคืออะไร? จะลงทุนในสิ่งใด? จึงจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายนั้น
………………………………
❎คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวมักคิดว่าหุ้นที่ดีคือ “หุ้นที่ราคากำลังพุ่งสูงขึ้น” พวกเขามักแห่ทำตามคนอื่น โดยไร้เหตุผลและปราศจากความรู้ความเข้าใจ ชอบหาข้อมูลแบบ ‘Public information’ ทั่วๆไปที่คนอื่นก็รู้อยู่แล้ว แบบนี้ไม่มีประโยชน์
………………………………
☑️คนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จมัก “พิจารณาอารมณ์ของคนส่วนใหญ่” วิเคราะห์ความคาดหวังของผู้อื่น และเฝ้ามองหาบางสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้ รู้ลึกและคิดลึก รวมทั้งการค้นหาข้อมูลมารองรับความคิด (Insight not Inside) มุ่งเน้นที่ “กระบวนการ” มากกว่าผลลัพธ์
………………………………
👍‘Black Swan’ ซึ่งสำคัญที่สุดในตลาดหุ้นก็คือ “เราไม่รู้ ว่าเราไม่รู้อะไร?”
………………………………
👍“ซื้อหุ้นดี ราคาถูก ในจังหวะเวลาที่ใช่”
…
หุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่แพง จังหวะเวลาดี สามส่วนนี้คือสิ่งที่ควรต้องพิจารณาก่อนซื้อหุ้น คุณอาจได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอันเหนือกว่าค่าเฉลี่ย “ราคาที่ถูกต้อง ในเวลาที่ใช่” คือการลงทุนที่ดี แม้กับบริษัทดาษดื่นธรรรมดาๆก็ตาม นี่คือปัจจัยสำคัญเลยทีเดียว
………………………………
หลักการก็คือ เราจำเป็นต้องรู้ “ความจริงที่เป็นประโยชน์” หยิบฉวยนำมาใช้งานได้ นำมาวิเคราะห์ว่าหุ้นของบริษัทที่เราสนใจลงทุนนั้น “ปัจจัยที่ทำให้หุ้นราคาขึ้นคืออะไร?” และ “ความเสี่ยงที่จะทำให้ราคาหุ้นร่วงลงคืออะไร?” ค้นหาความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย หรือมีเพียงคนส่วนน้อยที่มองเห็น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หากรับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปยิ่งตัดสินใจยาก ข้อมูลน้อยๆแต่คัดสรรมาแล้วย่อมดีกว่า
………………………………
🧨“อยากรวยเร็วให้เล่นหุ้นเหมือนวิ่งแข่ง 100 เมตร อยากรวยนานๆให้เล่นหุ้นเหมือนวิ่งมาราธอน”
…
🧨ความผันผวนคือต้นทุนระยะสั้น เพื่อผลตอบแทนอันงดงามในระยะยาว วินัยจึงสำคัญมาก
…
🥇“History Doesn’t Repeat Itself, but It Often Rhymes” : Mark Twain
………………………………
🟢“ริอาจผจญภัยในตลาดหุ้น ต้องพิสูจน์ตนเองอย่างน้อย 9 ปี” (ทฤษฎี 3+3+3)
…
1️⃣ 3 ปีแรกคือ ‘Survival Mode’ : การเอาตัวรอดในตลาดหุ้นคืออย่าคิดรวยเร็ว หมั่นฝึกฝนเคล็ดวิชา เก็บเกี่ยวความรู้ ร่ำเรียนและทดลองกระบวนการให้หลากหลายแนวทาง นั่นก็เพื่อ “ค้นหาจริตส่วนตัวทางการลงทุน” เลือกอาจารย์ให้ถูกคน เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อรอวันเติบโต
…
2️⃣ 3 ปีต่อมาคือ ‘Knowledge’ : การต่อยอดองค์ความรู้ กลั่นกรองสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากคนอื่น ประยุกต์ ปรับเปลี่ยน กลายร่างไปสู่ “องค์ความรู้ในแบบฉบับของตนเอง” ใกล้ชิดกับผู้คนที่ส่งเสริมให้เราเดินหน้าต่อไปอย่างถูกทิศทาง วางแผนการเงินและวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างเหมาะสม จัดพอร์ตได้อย่างกระชับชัดเจนตามเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
…
3️⃣ 3 ปีสุดท้ายคือ ‘Financial freedom’ : มีอิสรภาพทางการเงินอย่างยั่งยืน กระบวนการทำซ้ำ ทบทวน ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม มีทัศนคติทางการลงทุนที่ถูกต้อง มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ ปรับความเร็วให้สมดุลกับจริตส่วนตัว แบ่งปัน ส่งต่อ และทำเพื่อสังคมทั้งทรัพย์สินและองค์ความรู้
………………………………
⭐คนส่วนใหญ่มี 2 แบบ
…
🔹คิดเร็ว ใช้อารมณ์และสัญชาตญาณ
🔹คิดช้า ใช้ข้อมูล ตรรกะและเหตุผล
………………………………
🌿จังหวะอารมณ์นักลงทุน
…
1️⃣ ตกหลุมรัก (Fear of missing out) : ไม่ได้โลภแต่กลัวพลาดตกรถ และขาดความรู้ หากต้องการซื้อหุ้นก็ควรซื้อก่อนคนส่วนใหญ่จะตกหลุมรักมัน ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า กระจายความเสี่ยงให้เพียงพอ ลงทุนในธุรกิจพื้นฐานดีและผู้บริหารต้องดีด้วยเช่นกัน
…
2️⃣ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ (Confirmation Bias) : เฝ้ามองหาเหตุผลเพื่อมายืนยันความเชื่อของตนเอง อะไรๆก็ดูดีไปเสียหมดทุกอย่าง หาข้อมูลและหลักฐานเพียงเพื่อเป็นเครื่องยืนยันต่อสิ่งที่ตนเองคิดเท่านั้น
…
3️⃣ มั่นใจเกินไป (Overconfidence) : ประเมินความสามารถของตนเองสูงมากเกินไป คิดว่าตนเองเก่งกว่าค่าเฉลี่ยคนส่วนใหญ่ มีความเชื่อผิดๆที่ว่าตนเองมีความรู้ (แต่อันที่จริงแล้วไม่มีเลย)
…
4️⃣ ความผูกพัน (Sunk Cost) : อยู่ด้วยกันมานานเลยตัดใจทิ้งไม่ลง ขาดทุนหุ้นแต่เสียดายต้นทุนที่ซื้อมา เสียดายเวลาที่เฝ้าศึกษาเรียนรู้กิจการ ทางออกคือ “ลืมต้นทุนที่ซื้อมาให้หมด แล้วประเมินมูลค่าใหม่” ลองชั่งน้ำหนักดูว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้ถือหุ้นอยู่จะทำอย่างไร? ก็จงทำเช่นนั้น ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) สำคัญมากที่สุด
…
5️⃣ บอบช้ำ (Loss Aversion) : จากงานวิจัย ด้วยจำนวนเงินเท่าๆกัน ความทุกข์จากการขาดทุน จะมากกว่า ความสุขจากการได้กำไร “ถึง 2 เท่า” หุ้นที่ขาดทุนไม่ยอมขาย หุ้นที่กำไรนิดเดียวก็รีบขายทันที สุดท้ายมูลค่าพอร์ตก็ย่ำอยู่กับที่
…
6️⃣ ยอมรับ เข้าใจ และเรียนรู้ (Survivorship Bias) : ท้อได้ แต่อย่ายอมแพ้ อย่าล้มเลิกความตั้งใจ อย่าถอย พยายามนำจิตใจตนเองกลับสู่เส้นทางเดินให้ได้ รู้ว่ามีโอกาสตายที่ไหนก็อย่าไปที่นั่น เรียนรู้จากคนที่รอดชีวิต และการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองจะทำให้เรามองเห็นเส้นทางเดินที่ถูกที่ควรในอนาคต
………………………………
✅ลงทุนสไตล์ ‘Stock Vitamins – วิตามินหุ้น’✅
…
ส่วนตัวจะมีกระบวนการหาหุ้นแบบ ‘Bottom up’ ขุดหุ้นที่น่าสนใจเป็นรายบริษัท วิเคราะห์งบการเงิน แยกหุ้นที่ดีออกมาทำการบ้านต่อ ส่วนที่เหลือก็แยกเก็บไว้ใน ‘Watchlist’ คอยติดตามความน่าสนใจอยู่เสมอ ซื้อหุ้น ‘โซนล่าง’ ราคาหุ้นยังไม่ขึ้นมาเยอะ อุตสาหกรรมรวมมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต ธุรกิจมีรายได้ประจำสม่ำเสมอ และจดบันทึกการซื้อขายหุ้นทุกครั้งว่าเราซื้อขายหุ้นบริษัทนี้ด้วยเหตุผลอะไร? จัดพอร์ตโดยลงน้ำหนักมากกว่าในหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ต้องมั่นใจแบบกลยุทธ์ดันโด (Dhandho Investor) เช่น
…
🟨เสี่ยงต่ำ : ผลตอบแทนสูง (25% : 25%)
🟨เสี่ยงปานกลาง : ผลตอบแทนสูง (15% : 15%)
🟨เสี่ยงสูง : ผลตอบแทนสูง (10% : 10%)
………………………………
⭕“ราคาหุ้น = ความจริง + จินตนาการ”
…
⭕ความจริงคือ งบการเงิน ผลการดำเนินงาน และการประเมินมูลค่า
…
⭕จินตนาการคือ ความคาดหวังในอนาคต
…
ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าในแต่ละครั้งส่วนใดควรให้น้ำหนักมากกว่ากัน
…
⭕“มูลค่า = คุณภาพ” คุณภาพเกิดจากการบริหารจัดการ การเงิน วิสัยทัศน์ อนาคต (ของบริษัท) เราต้องหาเหตุผลมาประกอบการให้มูลค่าในแต่ละส่วน
………………………………
🗣️สิ่งที่เราควรเรียนรู้ในบทความนี้คือ หลายครั้งเรามีอคติในการตัดสินใจ ต้องสำรวจตนเองให้ถ่องแท้ มีสติให้มากขึ้น อย่าทำตามคนอื่น ครุ่นคิดให้ช้าลง คิดด้วยเหตุผล เพราะการสร้างความมั่งคั่งในตลาดหุ้นคือ “การวิ่งมาราธอน” ผลตอบแทนจะดีและมีความสุข
………………………………
Dopamine (โดพามีน) กระตุ้นอารมณ์ให้เราเกิดการตัดสินใจ นอกเหนือจากนั้นเราควรมี ‘เซโรโทนิน (Serotonin)’ ด้วย นี่คือ “ความสุขที่แท้จริง” ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว จุดหมายปลายทางจะมีความสุขในระยะยาวมากขึ้น
………………………………………….
🖋️จิม : ศรุติ โชติเสรีวิทย์
…
Stock Vitamins – วิตามินหุ้น
🔥[สรุป] หลักสูตรอบรมการลงทุนแบบเน้นคุณค่า : THAI VI 21 (Part 8)🔥
…………………………………………………………..
✴️การลงทุนคือเกมส์แห่งความน่าจะเป็นในระยะยาว : สุธน สิงหสิทธางกูร
………………………………
🟢ศาสตร์ 3 สิ่งที่ต้องมี หากเราโหยหาความสำเร็จในการลงทุน
…
1️⃣ “มือถึง (Knowledge)” : มีความรู้เชิงทฤษฎี การวิเคราะห์ธุรกิจ งบการเงิน ประเมินมูลค่า และการบริหารความเสี่ยง
…
2️⃣ “ใจถึง (Passion)” : มีความรู้เชิงปฏิบัติ มีแรงบันดาลใจ ความหลงใหล ความพยายาม ความกล้า ทัศนคติที่ดี ตกผลึกจิตวิทยาการลงทุน
…
3️⃣ “ดวงถึง (Timing)” : มีความเชื่อในโชคชะตา ว่าจังหวะเวลาที่ดีนั้นส่งผลต่อความสำเร็จ ‘Timing is everything’
………………………………
📈สำหรับตลาดหุ้น เมื่อคุณมือถึงและใจถึง สิ่งที่จะเข้ามาตัดสินชีวิตว่าจะรุ่งโรจน์หรือดิ่งลงเหวคือ “จังหวะเวลา” การลงทุนคือเกมส์แห่งความน่าจะเป็นในระยะยาว เลือกเกมส์ที่มีโอกาสชนะ ความเสี่ยงที่น่ากลัวมากที่สุดคือ “การหนีความเสี่ยง” การลงทุนในบางมุมมองมันคล้ายกับ “โป๊กเกอร์ (Poker)” เพราะเกมส์ระยะยาวต้องใช้ฝีมือ ใช้ทักษะเดิมที่มีมาปรับประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ เกิดกระบวนการทำซ้ำ ส่วนการพนันต้องอาศัยโชคและทำซ้ำไม่ได้
………………………………
💰การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value investing) มุ่งเน้นค้นหาสินทรัพย์อันมีราคาต่ำกว่ามูลค่า หากแต่การลงทุนอันชาญฉลาดนั้นวัดผลลัพธ์กันด้วย “Risk reward ratio (RRR)” นั่นคือ “อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง” [Expected return = (Reward*%Win) – (Risk*%Loss)]
………………………………
❎การลงทุนอย่างคุ้มค่าและคำนึงถึงความเสี่ยงนั้นเราจะมัวหมกมุ่นอยู่เพียงแค่ผลตอบแทนที่คาดหวังไม่ได้ (Win rate) ต้องวิเคราะห์และพิจารณา “โอกาสแพ้ (Loss rate)” เสมอ นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยืนอยู่ฝั่งผู้พ่ายแพ้ในตลาดหุ้น “ชนะน้อยกว่าแพ้” พอระยะยาวก็หมดตัว ไม่ประสบความสำเร็จ
………………………………
⭕‘Rick Guerin’ บุคคลที่ถูกลืม อดีตผู้ร่วมก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ ‘Berkshire Hathaway’ เคียงข้าง ‘Warren Buffett’ และ ‘Charlie Munger’ สองนักลงทุนในตำนาน เขาเคยใช้เงินกู้มาลงทุน (Margin) อยู่ๆก็เจอวิกฤตและโดนบังคับขาย (Force sell) จนกระทั่งจำเป็นต้องขายหุ้น ‘BRK’ ทั้งหมดในราคาหุ้นละ 40 เหรียญ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ (ปัจจุบันราคาหุ้น BRK.A อยู่ที่ประมาณ 613,860 เหรียญต่อหุ้น)
………………………………
ทฤษฎีทางการลงทุนนั้นมีเยอะมาก เลือกปรับและประยุกต์ใช้ให้ถูกจังหวะเวลา ยุคทองของการลงทุนมันผันแปรไปเรื่อยๆ
…
🔑สำหรับตลาดหุ้นในระยะยาว
…
🔹โชคชะตา : 1%
🔹พรสวรรค์ : 1%
🔹ไม่ยอมแพ้ : 98%
…
✅ทั้งหมดผสมผสานรวมกันเป็นสูตรแห่งความสำเร็จ โอกาสอันงดงามในตลาดหุ้นนั้นมีเสมอ ต้องรอคอยให้เป็น
………………………………
✅“No matter how great the talent or efforts, some things just take time. You can’t produce a baby in one month by getting nine women pregnant.” : Warren Buffett
………………………………………………………..
🖋️เจ๊กกี้ : สุธน สิงหสิทธางกูร