VINFAST.. เบื้องหลัง Money Game
ราคาจะไปจบลงที่ไหน?
. . .
บริษัทรถ EV ของเวียดนาม VINFAST เพิ่งเข้าตลาดหุ้น NASDAQ
จากราคา IPO $10 ขึ้นไปสูงสุด $37 จนมูลค่าบริษัทสูง $86b สูงกว่า มูลค่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Ford, GM และ Volks
ก่อนราคาจะปิดในสัปดาห์แรก $15 หรือ -60% จากจุดสูงสุด
Money Game นี้ จะจบอย่างไร?
. . .
#SPAC
VINFAST ผลิตและขายรถในเวียดนาม โดยใช้เงินทุน+กู้จากบริษัทแม่ VINGROUP $2.5b
เดิมมีแผนจะระดมทุน IPO ผ่านตลาดหุ้น US โดยหวังว่าจะได้เงิน $2b… แต่ไม่สำเร็จ
เลยมาจบทางลัดจากการระดมทุนผ่าน SPAC ก่อนแต่งตัวเข้า IPO ภายหลัง แต่กรณีนี้ได้เงินเข้าบริษัทแค่ $149m
SPAC Playbook จะเริ่มสร้าง Growth story ก่อนจะ Exit ผ่าน IPO ตลาด
ตลาดรถยนต์เวียดนามเล็กมาก ปีนึง 4 แสนคัน จึงต้องมาสร้าง Growth story ที่ US เพื่อรองรับการระดมทุนใน Nasdaq
ก่อน IPO ไม่นาน บริษัท เริ่มออกข่าว เตรียมสร้างโรงงานที่ North Carolina โดยมีกำลังการผลิต “1.5 แสนคัน”
VINFAST เริ่มเปิด US Showroom และนำเข้ารถมาขาย 3,000 คัน แต่ขายจริงได้แค่ 128 คัน แถมต้องเรียกคืนอีก เนื่องจากคุณภาพไม่ได้มาตราฐาน และได้ review ไปทางไม่ดี
ในเวียดนามเอง VINFAST ขายได้ระดับ 2 หมื่นคัน และตั้งเป้าการขายปีนี้รวม 50,000 คัน น่าจะเพื่อตั้งมูลค่าหุ้นให้ใกล้เคียงกับ EV อีกเจ้าในตลาดคือ Rivian ที่ระดับ $20b
การสร้าง Growth Story เพื่อดัน demand หุ้นวันเปิด IPO ที่ราคาสูง โดยจำกัด supply หุ้นให้ต่ำที่สุด โดยการนำหุ้นเข้าตลาดแค่ 1% ของทั้งหมด
เมื่อ High demand ของรายย่อย มาเจอ Low supply ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 3.7 เท่า นักลงทุน SPAC น่าจะ Exit ทำกำไรไปเกือบหมด (ตามสถิติ หุ้นที่เข้ามาผ่านช่องทาง SPAC กว่า 90% ไม่นาน ราคาจะลงไปต่ำกว่าราคา IPO)
Volume ซื้อขาย VINFAST อยู่ราวๆ 3-7 ล้านหุ้นต่อวัน เจ้าของที่หุ้นอยู่กว่า 2.3 พันล้านหุ้น ย่อมขายออกมากไม่ได้ แต่จะหาเงิน Step ต่อไปจากไหน?
ถ้าเทียบราคา VINFAST ที่ $15 ตอนนี้ บริษัทมีมูลค่า $34b บริษัทย่อมหวังว่าจะสามารถเพิ่มทุนอีกรอบที่มูลค่าสูงขึ้น หรือหุ้นนำไปคำ้เงินกู้ ดึงเงินออกมา ถ้ามีธนาคารใจดียอมปล่อย
แต่จะทำแบบนั้นได้ง่ายๆจริงหรือ?
. . .
#EV2023
ตลาด EV ปี 2019-2021 เกือบทุกบริษัทไม่มีกำไร ไม่มี Scales และอาศัยการเติบโตจาก Venture Capital, ตลาดหุ้น หรือ Subsidy จากรัฐมหาศาล
แต่ตลาด EV ปี 2023 ไม่เหมือนเดิม
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง TESLA ที่เคยประสบปัญหาการเงินช่วงตั้งต้น ตอนนี้มีกำไรและกระแสเงินสดเป็นบวก สามารถผลิตรถขายได้กว่า 1.3 ล้านคัน
ทิศทางของ Elon Musk จึงเปลี่ยนเป็นหันมาเร่ง Market Share เพื่อเพิ่มการผลิตให้เต็มประสิทธิภาพ โดยเร่ง Volume ให้มากขึ้น โดยยอมลด Margin ลง
จากที่ TESLA เคยมี Margin สูง 17% (vs บริษัทรถอื่น 7%) จนตอนนี้ เหลือ 11% และมีแนวโน้มจะลดต่ำกว่านี้อีก โดยเป้าหมายกำไรที่แท้จริงอยู่ที่ Software
พอ TESLA ที่มี Brand ที่ดีที่สุด หันมาลดราคา รายอื่นต้องจำใจยอมลดราคาสู้ด้วย ทำให้ Margin ที่มีน้อยอยู่แล้วบางไปอีก ส่วนเจ้าที่ไม่มี Volume/กำไร จะทยอยสูญหายจากตลาดไป
ปีนี้ มีรายงานว่าบริษัท EV ในจีนกว่า 500 แห่ง ล้มละลายไปแล้วกว่า 400 แห่ง และตลาดน่าจะ Consolidate เหลือผู้เล่นน้อยลง
Margin ตลาด EV กำลัง Race to the bottom
หันมาดูงบการเงิน VINFAST (สมมุติฐานว่ารายงานตัวเลขจริง)
ยอดขายรถ 524m
ต้นทุนขายรถ -1,044m
ขาดทุนจากการขายรถ -502m
รถทุกคันที่ขาย ยิ่งขาดทุนไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะผลิตที่ประเทศต้นทุนต่ำอย่างเวียดนาม ถ้ายิ่งไปสร้างด้วยต้นทุนใหม่ที่ US โอกาสที่ Margin เป็นบวก ดูแทบเป็นไปไม่ได้ เมื่อนักวิเคราะห์ AlixPartners บอกว่า EV Makers ต้องผลิตได้อย่างน้อย 4 แสนคัน ถึงผ่านจุดคุ้มทุน
VINFAST ยังสร้าง Competitive Advantage ที่แตกต่างชัดเจนไม่ได้ ทั้งเรื่อง Brand, Quality, และ Cost
คำถามก็คือ จะมีกี่คนใน US ที่จะซื้อรถจาก VINFAST ทั้งๆที่ คุณภาพถูกมองว่าด้อยกว่า แถมยังขายแพงกว่า TESLA อีกด้วย?
. . .
#Value
ประเมินมูลค่าบริษัทควรเป็นเท่าไหร่?
บริษัทที่ Cash flow negative อนาคตมองไม่เห็นกำไร มูลค่าน่าจะเหลือแค่ Net Assets – Liability
คำถามสำคัญคือ บริษัทจะ Funding Growth ต่อจากนี้ได้อย่างไร
บริษัท EV Startup เจ้าอื่น เช่นบริษัท Revian (Market Cap $20b) back up ส่วนนึงโดย Amazon และ บริษัท Lucid ($15b) back up โดย Saudi Sovereign Wealth Fund
ส่วน VINFAST ปีนึงๆมีเงินไหลออกกว่า $2b คนที่เติมเงินเข้ามาก็คือเจ้าของ VINGROUP ที่ล่าสุดบอกว่าจะไม่เติมเงินมาอีกแล้ว เพราะธุรกิจภาคอสังหาของเวียดนามกำลังประสบปัญหาหนัก
บริษัทที่ไม่มีกำไร, ยังไม่มี Competitive Advantage และ Growth Funding ทื่ชัดเจน ในตลาดที่รายใหญ่กำลังครองตลาดโดยเล่นเกมส์ Race to the bottom
ถ้าเจ้าของหุ้นไม่สร้าง Story อะไรใหม่ จนมีนักลงทุนเพิ่มทุนอีกได้
ส่วนตัวจะไม่แปลกใจ ถ้า…
โรงงานที่ US จะ delay
นักลงทุน VC จะทยอยขายหุ้นออกมาเพื่อ Exit
ส่วนราคาหุ้นจะหวือหวาสุดๆ และเมื่อพื้นฐานส่งผล มีโอกาสลดลงเหลือ $1-$2 ในอนาคตครับ
#MoneyDisruptor