KCG

-ข้อมูลจากIR+บวค+งานCV Pi ค่อนข้างตรงกัน

-Q2/67 topline+~10% , sg&a to saleเท่าๆQ1/67 ,GPMน่าจะโอเคเพราะต้นทุนQ2ยังไม่ขึ้น

-ย้ายคลังมีcostเพิ่มขึ้นไม่เยอะ มีหนักๆค่าแอร์ที่ต้องปรับลงวันละ5องศา จนได้ติดลบ อย่างมากเดือนละ8แสน

-ในQ2/67 มียกเลิกคลังสินค้าไปบางส่วน ส่วนนี้น่าจะหักลบกับค่าขนย้ายสินค้ามาคลังใหม่

-ถ้าติดsolarครบจะได้2MW ประหยัดไฟได้เดือนละ~8แสนบาท เสร็จครบปลายปี น่าจะได้boi

-ตัวlogisticที่ทำประหยัดค่าเช่า/ปี 25-30ล้านบาท

-โรงงานที่บางนาเช่าอยู่25ล้าน/ปี ถ้าไม่ได้ใช้ก็จะประหยัดส่วนนี้ได้อีกก้อน

-สำรองskuที่ยกเลิกอัดเข้าQ1/67ไปหมดแล้ว

-skuใหม่ๆจะเข้าQ3ค่อนข้างเยอะ มีชีสกะเพรา/ชีสทรัฟเฟิ้ล/ชีสศรีราชา และมีตัวที่ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ของเรา skuใหม่ๆจะมีGPMที่สูงกว่าเดิม

-รู้เทรนราคาวัตถุดิบล่วงหน้า ทำให้สามารถlockราคาได้ระดับนึง เนื่องจากมีทีมวิเคราะห์+มีพาร์ทเนอร์ที่ดี

-ต้นทุนมีขึ้นแค่น้ำมันเนย เดือน7น่าจะเริ่มมีผลผลิตใหม่ ก็สามารถซื้อดีลพิเศษมาเฉลี่ยต้นทุนได้ ส่วนชีสราคาลง ใช้2อย่างนี้ใกล้ๆกัน

-กำลังR&Dบางอย่างที่จะมาลดผลประทบน้ำมันเนยในอนาคต

-กับNSLยังค้าขายกันดีอยู่ สินค้าบางอย่างทำร่วมกัน3ฝ่าย 7-11/KCG/NSL ถ้าเราคิดสูตรก็ต้องใช้วัตถุดิบจากเรา ล่าสุดก็ตัวเอแคร์ไส้ในเป็นสูตรเรา

-ยังคงมีคืนเงินกู้อย่างต่อเนื่อง จะได้ประหยัดดอกเบี้ย

-โลกเริ่มเข้าสู่ลานีญาน่าจะทำให้ปริมาณนมมากขึ้น ลองไปหาผลวิจัยความร้อนมีผลทำให้น้ำนมลดลงจริง

-ต้องการโตต่างประเทศ น่าจะออกไปทางB2B หลังจากที่ทำสำเร็จกับMcที่ฟิลิปปินส์และPepper lunchที่ญี่ปุ่น

-ส่วนตัวเชื่อว่าพอยุบโรงงานมาเหลือ2โรงน่าจะทำให้เกิดประสิทธิภาพอย่างที่tknและxoเคยทำมา

-ค่าเงินตั้งงบไว้ที่36บาท
ถ้า+/-1บาทมีผลต่อGPM0.6%/ปี

-มีแผนจะทำcheese snack ต้องรอลงเครื่องจักร น่าจะหลังจากย้ายคลังเรียบร้อยก่อน

-บริษัทจะลดsg&aอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะใช้ระบบออโต้มากขึ้น ความคุมงบการตลาดให้มีประสิทธิภาพ และจะมีโครงการอื่นๆเพิ่มเติม

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น