“Atto 3 ซื้อได้ยัง มันจะลงไปอีกมะ”
ข่าวล่าสุดเห็นรถไฟฟ้า BYD Atto3 ราคาเริ่มต้น 799,900 บาท
ซึ่งลงมาแบบไม่มีพัก ก็มีคุณอาที่เคารพโทรมาถามเล่นๆ
ซึ่งไอ่ประเด็นเรื่องลดราคา EV เนี่ย ผมก็ตามมาโดยตลอด
เพราะทั้งสนใจ ทดลองซื้อใช้รถ EV และเราก็มีลงทุนในหุ้น BYD อยู่บ้าง
ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันว่า มันจะลดลงไปได้แค่ไหน
(ข้อมูลที่ผมใส่ในตารางสุดท้ายของตนเอง เป็นสิ่งที่ “อนุมาน” ขึ้นมาจากข้อมูลที่นำมายำรวมๆกัน ถูกผิดประการใด ใครรู้ลึกๆช่วยชี้แนะด้วยนะครับ)
_____________
หลักๆแล้วราคา EV ที่ปรับลดราคาได้โหดมากๆ ส่วนนึงมันน่าจะเกิดจากโครงสร้างต้นทุนของตัวรถที่ “ราคาค่าแบตมีนัยยะกับรถมากๆ”
ซึ่งต้นทุนของราคาแบตมาจากแร่ลิเทียม ซึ่งช่วง Peak คิดเป็น 25% ของราคาค่าแบตได้เลย และช่วงที่ EV บูมสุดขีด ช่วงนั้นทำให้เกิดภาวะขาดแคลน Li จนทำให้ราคา Li สูงเสียดฝ้า
ซึ่ง ณ เวลานี้ราคาคงมาจนถึงจุดสมดุล (พอๆกับอดีตแล้ว)
ราคาแร่ Li คร่าวๆก็ลดลงมา 80% จากพีค
ส่งผลให้ต้นทุนแบตลดลงไปมาก
ในตารางสุดท้าย ผมลองเอาราคา EV ในอดีต … อนุมาณค่าแบตต่อมูลค่ารถ … และราคาแร่ Li มาสร้างแบบจำลอง
พอทำเสร็จ ก็ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า Li ส่งผลมากๆ
Li–> Battery –> Car Price
ถ้าถามว่าจะลงอีกไหม ผมให้ภาพเพิ่มเติมอีกนิด คือ
GPM ของ Dealer ในไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 4%
NPM ของ Distributor ในไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 13%
NPM ของ BYD company ที่จีนอยู่ที่ 5%
และใส่ในของ BYD company มีงบ R&D อยู่ราวๆ 6%ของรายได้
ซึ่งถ้าให้สรุป
ราคาที่ปรับลงมาของ EV … Absorb แค่เรื่อง Li ที่ราคาลงมาก็แทบจะอธิบายได้แล้ว ซึ่งถ้าจะลงมากกว่านี้ ก็คงเกิดจากการปรับให้มาร์จิ้นของคนต่างๆใน Party ให้ดูสมดุลกว่านี้ (ผมว่ามีบางคนที่ได้กำไรสูงไปนิดนึง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยภาวะปกติของอุตสาหกรรมนี้ 555)
ก็นะ … รถ EV (ไม่ใช่แค่ของจีน)
“ซื้อก่อนประหยัดก่อน ซื้อที่หลังประหยัดกว่า”
#สโลแกนนี้เห็นกี่ครั้งก็ยังเจ็บ T-T
จุ๊บๆ
เอิร์น

