สรุป

📍สรุป ของ พี่ ZEN ในรายการ หุ้นหมีบอก หัวข้อ 10 มายาคติอันตราย ที่ฉุดรั้ง VI สู่ความสำเร็จ  by หุ้นทรง A

✅1.การทำ Valuation โดยการใช้ PE
-เราจะถูกสอนมาว่า หุ้น ที่ PE สูงมันแพง หุ้น PE ต่ำมันถูก ซึ่งมันใช้ไม่ได้ในบางกรณีเช่นหุ้นโรงงาน หุ้นโรงพยาบาล ช่วงที่มันขาดทุนเปิดโรงงานใหม่,โรงพยาบาลใหม่ หรือกำลังจะ Break even ใช้ PE มันจะเพี้ยนพอสมควร และจุดซื้อดีที่สุด คือ Break even หรือ กำลังจะ Break even (ช่วงนี้งบมันจะไม่ดีเลย)

✅2.การใช้ PE ดูหุ้น Commodity
ยกตัวอย่าง เคส PTL ราคาพีคตอนปลายปี 2010 ประมาณ 50 บาท ถ้าใช้ PE คำนวณราคาเป้า ณ ตอนนั้น ปัญหาคือ แม้กำไรจะยัง Maintain โตต่อได้ มันทำให้ดูว่า PE ต่ำ และคนส่วนใหญ่คิดว่ามันถูก และบทวิเคราะห์ออกมากันเยอะมาก แต่ในอนาคตมันก็มีจุดสิ้นสุดของวัฎจักร หรือ ธุรกิจ Project base อารมณ์ว่า ชีวิตนึงมันเกิดแค่ครั้งเดียว ชั่วคราว ในรอบ 10 ปี ตอนแรกๆก่อนขึ้นคุณก็ยังใช้ได้นะแต่อย่าไปใช้ตอนขาลงเด็ดขาด

✅3.เราเข้าใจว่ามันเป็นหุ้น Growth แต่สุดท้ายมันเป็นหุ้น เจดีย์ 🙏🏻
-วิธีป้องกันน้อยมาก การที่เราซื้อหุ้นที่ต้องฟังเจ้าของอย่างเดียว บางทีภาพมันเปลี่ยน เราจะรู้ช้ากว่าที่เราเห็น บางทีเราต้องหาหุ้นที่เราสามารถรู้ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากการไป Scuttlebutt ดีกว่าฟังเจ้าของอย่างเดียว

✅4.หุ้นที่ Market cap. เยอะๆก็ไม่น่าจะโตไปต่อได้แล้ว
มันอาจจะขึ้นอยู่กับ TAM ที่มันใหญ่มาก อย่างเช่น หุ้น Tech ในอเมริกา ผมมองว่าหุ้น Tech ในเมกา เป็นหุ้น Asset plays เปรียบเทียบและยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่ขายมือถือทั่วไป คนใช้ไปแล้วก็ทิ้งเปลี่ยนรุ่น แต่ Apple มันทำให้คนที่ใช้มือถือของเค้าเนี้ย เป็น Asset ของเค้าได้ จ่ายค่า Subscription ต่างๆใน Eco system ของ Apple มันกำไรตรงนี้มันเพิ่มขึ้น หรือ Amazon แต่ก่อนทำ E-commerce จนมาทำ AWS โมเดลประมาณนี้ ทำให้ภาพบริษัทเปลี่ยนไปได้ค่อนข้างเยอะ

✅5.หุ้นมันเต็มมูลค่าแล้วคนคิดว่าไปต่อไม่ได้แล้ว
คนอาจจะมองข้ามว่า รายได้ไม่โตแล้วเหมือนแต่ก่อน แต่ทำไม กำไรมันโตระเบิด สิ่งนี้คือ Operating leverage สูง รายได้เพิ่มแต่ต้นทุนไม่เพิ่มตามหรือเพิ่มน้อย อย่างงบ Q1 ที่ผ่านมา ก็มี VIH,NSL,NEO เราอาจจะไม่เข้าใจโครงสร้างของธุรกิจและคิดว่ามันเต็มมูลค่าแล้วแต่พอ ประกาศผลกำไรก็อาจจะทำให้เซอไพร้ตลาดได้

✅6.เอา Case ของบริษัทที่ Success ในตปท.มาเทียบกับบริษัทในไทย
อย่าง Home Depot เทียบกับ Home pro ในไทย
Landscape ที่แตกต่างกัน มันอาจจะไม่ได้ อย่างเช่น โรงพยาบาลทั่วโลกก็ไม่ได้มีการเติบโตเหมือนในไทย อย่างเวียดนาม ร้านขายยา FRT กินแชร์ครึ่งนึงของประเทศ แต่ร้านขายยาประเทศอื่นๆก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ด้วยโครงสร้างทางธุรกิจแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ด้วย รายได้ต่อหัว ของคนในประเทศนั้นๆ กลยุทธิ์ Business model ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตาม พฤติกรรมผู้บริโภคด้วย

✅7.คนชอบคิดว่าซื้อบริษัทที่มีสินทรัพย์มาก เงินสดมาก มันจะปลอดภัย (Asset plays)
หุ้น Polar market cap น้อยกว่าเงินสดในบริษัท สุดท้ายก็ เจ๊ง , Acap มีasset เยอะก็จิงแต่ขาดสภาพคล่อง มัน unlock  ไม่ได้ (ผมขอยกคำพูดจากพี่นักลงทุนรุ่น เก๋า เปรียบเทียบเหมือนการเลือกคู่แล้วหวังจะเอาสมบัติจาก พ่อตา แม่ยาย เลยแช่งให้ตายไวๆ แต่สุดท้ายเค้าไม่ตายเราก็อาจจะตายก่อน 😂💀)

✅8.เคส Competitive advantage ของบริษัทมาเปรียบเทียบและคนชอบมองว่าเป็นแฟชั่น
บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นแฟชั่นคือ Kamart แต่ทำไมเค้าถึงมี Competitive advantage ทั้งๆอยู่ในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันอย่างรุนแรงใครจะเข้าก็ได้ ที่สังเกตุเค้าจะมี 1.กลยุทธิ์การตลาด 2.การออกสินค้าใหม่ๆหลายๆ SKU  และถ้าบริษัทเล็กๆจะเข้า Retalis อย่าง Watson,Beautrium มันยากด้วย ยอดขายที่ยังไม่เยอะพอยืนระยะไม่ได้ ทั้งๆที่ใครก็ทำเครื่องสำอางค์ได้ ของที่เป็นแฟชั่น และ Retailer ก็จะต้องการสินค้าที่มาขายมี Turnover rate สูงๆ ใครขายไม่ดีก็อาจจะโดนเอาออก “ปลาเร็วกินปลาช้า” ใครๆก็ทำได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ทำแล้วอยู่รอดมาถึงตอนนี้ ในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันรุนแรง แล้วก็ยกตัวอย่างเช่น คาราบาว ทำไมไม่ Suscess ในอังกฤษ คิดว่าของแบบนี้ต้องเป็น First mover เข้าไปก่อนได้เปรียบ เพราะคนมันติดรสชาติไปแล้ว แบรนด์ต่อๆไปที่จะเข้ามาก็ยาก

✅9.ความเก่งของผู้บริหาร คนชอบคิดว่าคนนั้นเก่งคนนู่นไม่เก่ง
ยกตัวอย่าง ผู้บริหาร Xo ความเก่งของบริษัทต้องการคือ การที่สามารถสร้าง Connection กับ Dis
ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมด้วยต่อให้เก่งเป็น Super CEO แค่ไหนจะทำให้รายได้โตเยอะๆมันก็ยาก
แล้วเราจะรู้ได้ไง ผู้บริหาร ซื่อสัตย์ มั้ย? เช่นอาจจะดูว่า ถือหุ้นเยอะมั้ย,บางกรณี บริษัททำธุรกิจคล้ายๆกัน แต่ทำไมมาจิ้นมันต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ,มาออก Oppday บ่อยแค่ไหน สื่อสารกับนักลงทุนเป็นยังไง ในตอนที่มาพูด
มองว่าผู้บริหารต้องเก่งในระดับที่บริหารงานได้และยืนอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดีแต่ถ้าเป็น Start up ก็ต้องการ ผู้บริหารที่เป็น Super CEO

✅10.หุ้นลงหนักๆวิกฤตหนักๆ คนก็จะบอกว่ามันไม่ลงแล้ว มี PE ,ปันผล ค้ำอยู่
บริษัทที่เรามั่นใจที่จะถือแค่ไหน ถ้ามันลงผิดปกติเพราะวิกฤต ไม่ควรเอา Margin มาซื้อ นอกจากถ้ามันลงชั่วคราวและเรามั่นใจมากว่าคุณรู้จัก บริษัทนี้มากกว่าตลาด แต่ถ้ามันเกิดวิกฤตไม่ควรใช้ over  Leverage เพราะมันอาจจะลงมากกว่าที่คุณคิดไม่ถึง

❇️Q&A บางส่วน ❇️
⁉️ถาม:งบดีให้ขาย งบชิบหายให้ซื้อ ความเชื่อนี้เป็นอย่างไร?
ตอบ : 1.หุ้นลักษณะนี้เป็นแบบไหนเช่น
หุ้น Growth ,หุ้น Commodity
          2.จะโตต่อเนื่องมั้ย
          3.ราคาตรงนี้ มัน Price in ไปหมดแล้วหรือยัง

⁉️ถาม : อยากรวยแบบ VI ต้องใช้ value insider?
ตอบ insight จาก Company visit คือการถามอะไรเพิ่มเติม หุ้นที่ได้เปรียบเสียเปรียบ เยอะมากๆ คือหุ้นที่คุณไม่รู้อะไรเลย นอกจากข้อมูลจากเจ้าของ เราควรตามหุ้นที่เราพอรู้ข้อมูล Insight จากการไป CV ให้มันลดข้อได้เปรียบ เสียเปรียบกันได้

⁉️ถาม : DCA (dollar cost average) เป็นการลงทุนที่ง่ายที่สุด ความเชื่อนี้ผิดมั้ย?
ตอบ : ต้องดูหุ้นที่ซื้อด้วยค่อยๆเติมๆ เช่น หุ้น Amazon ก็ทำให้คุณรวยได้ แต่ถ้าซื้อผิดตัวก็ตรงกันข้าม

⁉️ถาม : อยากรวยต้อง super stock เท่านั้น?
ตอบ : มันง่ายสุดถ้าคุณเลือกถูกตัว และมันไม่ได้เร็วสุด ความยากคือ คุณมองหุ้น ตัวนั้นออกหรือป่าว และถือไปอีก 5-10 ปีทำได้มั้ย

⁉️ถาม : ต้องเล่นหุ้นแค่ใน Circle of competance ?
ตอบ : ซื้อไปก่อนแล้ว เจาะหุ้นตัวนั้นๆละเอียดๆ อาจจะซื่อไม่เยอะมาก เราควรขยาย Circle of competance

🙏🏻💡-หลังปฎิบัติธรรม ทำให้เราฝึกสองอย่างคือ สมาธิ และ การปล่อยวาง ในเวลาที่หุ้นมันผันผวน ทำให้เราไม่เครียดไม่ทุกข์กับมันใช้ชีวิตกับปัจจุบันมากขึ้น ถือศีลด้วยจะดีมากๆ และเรามีในระดับนึงก็บริจาคให้กับ โรงเรียน และ โรงพยาบาล

📌📌ปล.หุ้นที่เขียนในสรุปและยกตัวอย่างในรายการ ไม่ได้มีการให้เชียร์ หรือแนะนำให้ซื้อขายแต่อย่างใดนะครับ

จบ…

ขอขอบคุณรายการหุ้นหมีบอกและขอขอบคุณพี่ Zen ที่มาเล่าประสบการณ์ทรงคุณค่ามากๆครับได้ทั้งข้อคิดการลงทุนและหลักการใช้ชีวิตรวมถึงการปฎิบัติธรรมด้วยครับ 🙏🏻🙇🏻

ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอฝากเพจหุ้นทรงA ไว้ด้วยนะครับ

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น