Live Talk พี่มี่ & พี่แจ็กกี้ By สมาคมนักลงทุนประเทศไทย
10 – 7 – 24
พี่แจ๊กกี้พูด speed x 1.5 จดไม่ทันเลย ฮือออ 😅😅
คุณแจ๊กกี้ “แสวงหาวิกฤต เพื่อหาโอกาสในวิกฤต”
ไม่ใข่หุ้นที่จะทำให้เรารวย แต่ Play book ต่างหากที่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้
เราต้องหาหุ้นเจอก่อน แล้วกล้าใส่น้ำหนัก
Country not Change your Life , Your Habit will Change your life.
Q ตลาดหุ้น เวียดนาม ไทย จีน ชอบที่ไหนตามลำดับ
A เปรียบเทียบเร็วๆ จีนน่าสนใจที่สุด valuation ถูกมาก
- เวียดนาม
3.เมกา
4.ไทย
อยากเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่โตยั่งยืนไป 5 ปี เหมือนที่หลายคนเคยทำได้ แต่ของไทยตอนนี้โอกาสค่อนข้างน้อย
วิธีที่คนต้องทำคือ หาโอกาสเล็กๆ ซัก 50 % ไปเรื่อยๆ แต่การถือหุ้นยาวหลายๆปี ของๆไทยมักไม่ได้ผล
เช่นดัชนี MAI จาก 750 เหลือ 350 คือลงทุนยาวไม่ได้
ตลาดเมกา จากการศึกษา คือยากไปและ valuation แพง
จีน เวียดนาม ยังเป็นไปได้
ไทย ถูกแต่ขาด growth ระยะยาว คนมองว่าจะกลับไป 1,500 -1,800 มั้ย ซึ่ง sector หลักเราคึอ น้ำมัน กับ bank ซึ่ง ไม่ perform > ก็อาจจะยาก
ถ้าเราอยากเปลี่ยนชีวิตก็ควรมองหุ้นที่มีโอกาสโตมากๆ
ไทย GDP 1.5 เวียดนามเกือบ 7%
ของไทยหุ้นที่โตได้ อาจมีไม่ถึง 5% ซึ่งโอกาสยากมากๆที่เราจะหาเจอ หรือเวียดนาม ปาเป้าแล้วมีโอกาสถูกมากกว่า
พี่มี่ถามพี่แจ๊กกี้ คือการเรียงตลาดตาม GDP และ ขนาดตลาด?
jekkyตอบ : เมกาที่โตจริงคือ 7 angle คือ โตไปได้ทั่วโลก
อย่างไทย ส่วนใหญ่กลายเป็นเกมส์เก็งกำไร ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ยังมี CPN CPALL ที่โต หลายสิบเด้งได้
ตอนนี้ จากลูกวัวกลายเป็นแม่วัวแล้วคือให้แต่ปันผล ไม่ค่อย Growth แล้ว
แต่หุ้นไทยก็ถูกมาก บางตัวปันผล 7-8% แต่ไม่โตแล้ว
เช่น Qhouse ซึ่งปลอดภัยมากๆ แต่หลังจากรับปันผลแล้ว หุ้นกลับลงมาเรื่อยๆ 30-40% แล้วใน 3-4 ปีมานี้
Q หลายคนเริ่มลงทุนไม่นาน พอร์ตยังเล็ก ควรจัดพอร์ตยังไง
A ปกติแบ่งเป็น 3 กอง หน้า กลาง หลัง
ถ้าเรายังไม่ถนัดก็ลงกองหลังเยอะๆ (ปันผลเยอะๆ) ระหว่างนี้ถ้าเราทำการบ้านแล้วเจอตัวดีๆ ค่อยๆ switch ไป กองหน้า
อย่าง poker เราต้องค่อยๆเสียเงินไปทุกรอบการเล่น แต่หุ้นดีกว่าคือ ระหว่างรอเรายังมีปันผลได้
ตอนนี้โอกาสในไทย หาหุ้นหลายๆเด้ง ยากมาก
ถึงมี คนรู้ภายในปีแรก อาจจะ ไล่หุ้นขึ้นมาหลายเด้งแล้ว ทำให้คนทำการบ้านช้าตามยาก > เราต้องคมมากๆ
Q ถ้าพอร์ตเราซัก 5 ล้าน แนะนำยังไงดี
A อยู่ว่าเรามี Edge ที่ไหน
ที่ไทยเป็นเกมส์เก็งกำไร ถ้าอยู่ไทย 10 ปีอาจจะได้ 1 เด้ง
ถ้าไปตปทก็ต้องกังวลเรื่องภาษีหุ้นนอก Spred exchange /เราต้องวางแผนว่าทำยังไง
ถ้าพอร์ตใหญ่เค้าก็ตั้งบริษัท สามารถลดภาษีได้
ถ้างานประจำต้องคิดว่าเราจะ spend time สู้นักลงทุนที่ focus ได้มั้ย
เราต้องดูว่าเรามี edge อะไร เช่นเราเป็นหมอ ก็อาจจะขุดหุ้นหมอ การแพทย์
การลงทุนจริงๆ dynamic คือไม่ตายตัวว่าเราต้องอยู่ประเทศไหน
การลงทุนสิ่งสำคัญคือต้อง growth อย่างยั่งยืน
บริษัทในไทยที่มี grwoth คือ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ จึงยังพอโตได้
หุ้นไทยยังมีเสน่ห์คือ หุ้นน้อย แต่ถ้าเราทำการบ้านหนักเห็นก่อน ก็สามารถให้ผลตอบแทนเร็วๆ มากๆได้
ผิดกับเมืองนอก ที่หุ้นพองบออก กลับไม่ขึ้นมาก เพราะหุ้นงบดีทุกตัว
เช่นเวียดนามบางบริษัทโต 3 ปีหุ้นไม่ไปไหนเลย คือคนไม่สนใจ
ไม่ใช่เราทำการบ้านผิด แต่เกี่ยวกับ fund flow
คือเราต้องเก่งกว่า ฉลาดกว่า แต่ติดที่ regulation
อย่างเรามี edge อยู่ที่ไทยเรารู้ตื้นลึก หมดทุกอย่าง
แต่ไป ตปท มีความเสี่ยงกว่าคือเราไม่รู้รายละเอียดลึกๆ
Q หุ้นเวียดนาม จะหาข้อมูลลึกๆยังไง
A จริงๆมีข้อมูลแค่ 60-65% ก็พอได้เพราะคนเวียดนามส่วนใหญ่ยังไม่เป็น VI
ถ้าเรามี play book VI หุ้นหลายตัวเติบโตยั่งยืน ก็สามารถให้ผลตอบแทนดีมาก
แต่ต้องเลือก หลายตัวก็เริ่มแพง
นักลงทุน local เวียดนามไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือกองทุน
หุ้นจีน มีปัญหากับเมกา > เมกาตัดตอนตั้งแต่ chip คือห้ามทุกประเทศขาย chip ให้จีน
ที่จีนมี web คือ snow ball เป็นเวป VI ของจีน ( เซี่ยฉิว )
คนจีนเองจริงๆส่วนใหญ่เก็บเงินใน Property
คน local จริงๆเป็น VI น้อย เพราะเค้ามีโอกาสมากกว่า เช่นไปทำธุรกิจ
ในไทย C+G+I+X-M
consumption ไม่โต
Export ดีท่องเที่ยว อันเดียว อย่างอื่นแย่
Import สินค้า electronic
ซึ่งเรารอแต่ G Govenment ก็ยังไม่แน่นอน
พอกระตุ้นอสังหา แต่ก็ยังไม่ฟื้น
การที่เราจะกระตุ้นอสังหาก็ยังน้อย เช่นจากต่างชาติ แต่กลับไปเกิดโอกาสที่ภูเก็ต
พอร์ตคุณ Jekky ตอนนี้ จีน 73% เวียดนาม 12% ไทย 8% ไทยยังซื้อเพิ่มเรื่อยๆ
อยู่ไทยต้องเทพจริงๆถึงจะอยู่รอด
เราอยากเป็นนักลงทุนระยะยาว ไม่ชอบเกมส์เข้าออกเร็ว
แต่ปัญหาเกมส์เร็วคือ ถึงได้หลายตัว แต่พอโดนหนักๆตัวเดียว อาจจะ Draw down เยอะมาก
Q การลงทุน เพราะเราชอบ เราเชื่อ เราลงทุนธุรกิจโรงเรียนเพราะอะไร
A มี Pricing power / มี Brand / network effect ดีทุกอย่าง ปกติ PE แพงตลอด แต่ดันเกิดวิกฤต triple bottom คือ หุ้นจีนลง / วิกฤตการศึกษา / โอกาสอาจกลายเป็น Non profit
market cap เกือบเท่ากำไรแล้ว แต่ปัญหาคือเก็บเงินได้แล้ว เงินอาจจะต้องให้รัฐหมด
เทียบแล้ว expected return คุ้มค่า สมมติ โอกาสได้อาจจะ 20 เด้ง ก็คุ้ม
ต้อง weight เรื่อง Risk Return
ธุรกิจแรกคือ Tian Li กลายเป็น Profit Organize แล้ว ก็พลิกกลับมา / 2 ปี โตเเพิ่มมา 50 โรงเรียนแถมรัฐบาลโอนโรงเรียนมาเพิ่มให้อีก
คนมาสอบเกาเข่า ( Entrance จีน ) เพิ่มขึ้นทุกปี 3 ปี โต มา 11% 9% 4% แปลว่าคนอยากมาเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อง Tier 2 3 ที่เราเลือกลงทุน คนเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คนเกิดตอนปี 2006 >> ตอนนี้ยัง Peak อยู่อีกเป็น 10 ปี จนถึง 2575 อีก 8 ปี ถึงจะเริ่มลดลง
ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่ทำงาน ยิ่งไปอ่านหนังสือมาสอบเพิ่มขึ้นอีก
เราซื้อหุ้นในวิกฤต อีก 3 ปีก็จะรู้เรื่องว่าจะกลายเป็น Non Profit มั้ย > ขนาดสีจิ้นผิงยังไม่รู้เลย
สิ่งที่ทุนนิยมกลัวสุดคือความไม่แน่นอนของรัฐบาล
ตอนนี้รัฐส่งเอกสารมากำหนดเรื่องครูต่อนักเรียน เพื่มเครื่องมือ ตบแต่งเพิ่ม เพื่อให้เราทำตาม หลาย 100 ข้อ โรงเรียนพยายามทำตาม พอครบที่ขอ รัฐก็ไม่ยอมให้เป็นซักที
มองอีกมุม ยิ่ง regulate เยอะแปลว่าโอกาสยึดน้อยลง
สรุปวิธีเลือกของแจ็กกี้คือ
เลือกหุ้นวิกฤต แล้วมองหาโอกาส
operating cash flow ต้องดี
ถือหุ้นมองกรอบ 3 ปีอย่างช้า
หุ้นวิกฤตถ้ามีเรื่องดีนิดหน่อย มันพลิกเลย
เช่นหุ้นหูยา โต้วอยู (หุ้นเกมส์ ) เงินสด 27 เหรียญ แปปเดียวประกาศปันผล 9 เหรียญ >> แปปเดียวคืนทุนเลย
หุ้นไทย YGG ขนาดหุ้นลงมา 90% ยังไม่เข้าตำรา Net net asset เลย
ใช้วิธี VI clsssic
การมองหุ้นแบบ Price to sales จริงๆ ไม่ work อย่าง shoppee ปั่นขึ้นไปได้คือ ยอดขาย subsidize ยอดได้ เช่นขายของ 5,000 แจกคูปอง 2,000 ทำให้ยอดโตกระฉูดซึ่งเราไม่รู้ว่าจริงมั้ย
หุ้นผงชูรสจีน PE 3 เท่า ปันผล 10 กว่า% > หุ้นแบบนี้มีเยอะเลย > ช่วงนี้เป็น Timimg ที่ดี
อย่างหุ้นจีน ปันผล 30%+ เลย
สมมติหุ้นเดิมปันผล 4% หุ้นลง 80% ปันผลเพิ่มมา 5 เท่า
เราสามารถเลือกหุ้นจาก dividend Method ได้
ความเสี่ยงคือ เราเข้าถึงข้อมูลช้ากว่า โดนภาษี โดนค่าคอม โดน exchange rate
บางโบรกอาจจะบอก ออกบัตร Debit ให้ได้ แต่ก็ไม่ตอบโจทย์
ถ้าพอร์ตใหญ่อาจจะไปเปิดเป็น Private bank ได้
เหมือนเราเล่น Poker หลายๆวงพร้อมกัน ถ้าเจอ คู่ AA ก็อัดเงินได้เลย ทำให้เราเจอโอกาสได้เยอะเลย
Q jekky สร้างพอร์ตจากไม่กี่ล้านเป็น 1,000 ล้านได้ มีคำแนะนำอะไรบ้าง
A โอกาสไม่ได้นอนรอเหมือน 9 – 10 ปีก่อนแล้ว
ทุกทศวรรษในการลงทุนยากขึ้นเรื่อยๆให้ศึกษาไปเรื่อยๆ รอโอกาส
ถ้า 5 ล้าน ได้ปันผลอาจจะ ปีละ 4 แสน แต่ถ้าเจอหุ้น หลายเด้งก็เปลี่ยนชีวิตได้ > ถ้าไม่เจอก็กินปันผลไป
ช่วงพี่มี่อัพเดตหุ้น
หุ้นนอกครึ่งปีแรกดี ครึ่งปีหลังอาจจะยาก
หุ้นไทยปีที่แล้วไม่ดี ครึ่งปีแรกก็ไม่ดีครึ่งปีหลังอาจจะดีขึ้น
แต่ปัญหายังเยอะมาก เช่นขายรถได้ 6 แสนคัน ยึดรถ 3.5แสนคัน
เรื่องหนี้น่าจะไม่แก้ได้ง่ายๆ
โอกาสจะเป็น หุ้นที่ยัง growth ได้ เช่น หุ้นส่งออก หุ้น electronics
ถ้ามองทุกที่ก็ต้อง Selective ต้องเลือก ไม่ใช่ดีทุกตัว
2-3 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่ายากมาก แย่กว่าที่คาดถ้าเราเลือกหุ้นดี ก็ยังบวกได้
เลือกตัวที่เชื่อว่าจะโตได้ หุ้นต้องวิ่งตามกำไร > ต้องหาตัวที่กำลังจะโต
ถ้ามองตลาด Best case คือ 1,450 แต่อาจจะยาก
ส่วนตัวพี่มี่ขายหุ้นจีนไปประมาณนึงเพราะจะมีเรื่องเลือกตั้งเมกามากระทบ ซึ่งก็อาจจะกระทบมาไทยด้วย
ไม่มองเป็นดัชนี มองเป็นอุตสาหกรรม
Q สถานการณ์ตอนนี้ คนมองไม่ออก อยากให้พี่มี่แนะนำว่ากลุ่มไหนจะได้ประโยชน์
A หลักๆต้องมองหาตลาดที่จะมี Demand ใหม่ๆ
เช่นเม็ดเงินภาครัฐ Q4 -22% Q1 -27% /Q2 อาจจะโตนิดๆ Q3 Q4/24 จะดี
เลือกตัวที่ลงมาแรงแล้วจะกลับตัวเป็น V shape ให้เลือกตัวที่ recurring
ดีกว่านั้นต้องไป CV
“ถ้าอยากคิดหุ้นเก่งๆ ต้องอ่านเยอะๆ”
“ถ้าอยากพูดเก่ง ให้ฟังเยอะๆ”
เรื่อง AI semiconductor ถ้ามาก็จะมีการเปลี่ยนเยอะ
เดิมอาจจะซื้อปีละ 200 ล้านเครื่อง ถ้ามาอาจจะเป็น 3-400 ล้านเครื่อง
ถ้าทุกอย่างชัด หุ้นอาจจะไปไกลแล้ว
ความสวยความงาม ศัลยกรรม
ค้าปลีก
หุ้น SET 50 ตัวใหญ่ที่กำไร New high แต่ ราคายังถูกมาก downside ต่ำ
Q&A
Q คิดว่า ความปลอดภัยเรื่อง Security Privacy information ของคนไทย ที่รั่วไหล ให้การเข้ามาของมิจฉาชีพ และมีความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในเรื่องของเงินสำรองประจำบุคคล กระทบในส่วนชีวิตประจำวันในการรับโทรศัพท์ มีส่วนทำให้นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา ปีนึงขายไปถึง 2 แสนกว่าล้านบาทมั้ยคะ?
A รั่วไหลทุกที่ในโลก จีนก็เยอะ คิดว่าไม่เกี่ยวมาก
ที่เกี่ยวเยอะคือ หุ้นหลายตัวที่คนไม่มั่นใจ หุ้นแต่งบัญชี หุ้นกู้ Default มากกว่า
การทรวง digital สิงคโปร์แนะนำให้มีมือถือ 2 เครื่อง เครื่องนึงลง app ธนาคารอย่างเดียว พอ OTP ให้ไปลงอีกเครื่องนึง
Q ถามพี่มี่พี่แจ๊กกี้ว่าสนใจหุ้นที่ลงทุนประเทศพม่าบ้างหรือเปล่า อย่าง yoma strategic ขึ้นมาหลายเด้งใน 2-3 เดือนนี้เอง
A YOMA มีในพอร์ต ตอนที่ซื้อ มีแม่บ้านเป็นคนพม่า เค้าต้องโอนเงินไปทุกเดือน ที่ขึ้นเยอะๆ เพราะมันลงไป 80-90%
แต่สงครามนานกว่าที่คิด Yoma กิน market share 90%
ตอนนี้ Kbank เข้าไปทำตลาดแล้ว อาจจะเป็นความเสี่ยงของ Yoma
India เคยไปมา ซื้อหุ้นรายตัวไม่ได้ ราคาก็แพงไปแล้ว
Q Insur tech business 6060 / lining 2330 / ร้านขายยาจีน
Pingan ซื้อตอนนี้ถูกกว่าเจ้าสัวครึ่งนึง > แต่ไม่โต
เพราะไปโต Online คือ จงอัน เกิดจาก tencent + xinolink + Baba >> ตอนนี้หุ้นต่ำ BV
ใส้ในคือตัว credit + ประกันอุบัติเหตุ
Q อยากถามพี่แจ๊คกี้ครับถ้าวันนี้พี่แจ๊คกี้ต้องเริ่มลงทุนใหม่และอายุ 20 จะออมเงินด้วยอะไรครับ
A ตอนแรกต้องลงกองหลังเยอะ ใช้ Dividend method เช่นหุ้นเวียดนามบางตัวปันผล 20% ถึงหุ้นตกหนัก ก็ไม่ลงเยอะ
พอไปเจอหุ้นโตเร็วๆ ก็ค่อย switch ไประหว่างนี้ค่อยๆหาโอกาสหุ้นตีแตกไป
อย่างหุ้นเวียดนามผมเจอแค่ FRT ทำให้เปลี่ยนพอร์ตได้ กล้าใส่น้ำหนักเยอะๆ
การกระจายความเสี่ยงก็สำคัญ
Q TPAC มองยังไง
A ตอนนี้ timimg ดี สินค้า margin ต่ำ แต่ไม่มี brand / upside เหลือระดับนึง
ได้ตระกูลโลเฮียมาถือ / หุ้นไทยก็ประมาณนี้ / คู่แข่งถ้าเข้ามาก็แข่งได้
อย่างรองเท้าเมื่อก่อนเราผลิตเยอะมากเป็นหุ้น 10 เด้ง ต่อมามีประเทศที่ผลิตได้ถูกกว่า ก็ย้ายไปเลย
ต้องสร้าง Brand ให้ได้ และต้อง Turn ไป Global ให้ได้ เช่นรองเท้าจีนอย่าง Li ning
CV จีน จัดไป Tencent โรงเรียนจีน คุณแจ๊กกี้พาไป