ORLY

กรณีศึกษาหุ้น 100 เด้ง

Chris Mayer คนเขียนหนังสือ 100-Baggers ได้แชร์ บทความจาก Finchat เกี่ยวกับ บริษัทชื่อ O’Reilly (ORLY) ที่ตอนนี้ทำผลตอบแทนได้ 400 เด้ง ว่าบริษัทมีสูตรสำเร็จอย่างไรถึงทำได้ขนาดนั้น

O’Reilly ทำธุรกิจร้านค้าปลีกที่ขายชิ้นส่วนหลังการขายรถยนต์ครบวงจรตั้งแต่อุปกรณ์ในการบำรุงรักษาไปจนถึงอุปกรณ์ตกแต่ง

ถ้าเราลงทุนใน O’Reilly ด้วยเงิน $10,000 ตั้งแต่ปี 1993 ตอนนี้เงินก้อนนั้นจะกลายเป็น $4.25 ล้าน หรือเพิ่มขึ้น 400 เท่าใน 30 ปี

โมเดลที่ O’Reilly ใช้มี 4 ข้อใหญ่ๆ คือ

1) ใช้โมเดลธุรกิจที่ง่ายและทำซ้ำได้ อย่างเช่นการใช้ป้ายชื่อร้านที่เป็นเอกลักษณ์และลานจอดรถใหญ่ๆ ให้เพียงพอต่อการขนส่งของจาก Supply ได้ถึง 152,000 SKU’s แบบ same-day และ overnight ทำให้ขายได้ทั้งลูกค้าที่เป็น professional และ individual

นอกจากนี้ยังเปิดสาขาใหม่ประมาณปีละ 200 สาขา และมีการใช้ software ต่างๆมาช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วย

2) อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต ตัวเลขจำนวนรถยนต์ในอเมริกาโตเฉลี่ย 1% ต่อปี และรถก็ต้องเก่าลงทุกปีทำให้มีจำนวนรถที่ต้องบำรุงรักษารายใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รายเก่าก็ยังต้องทำทุกปีเหมือนเดิม

ถึงแม้อุตสาหกรรมโตแค่ปีละ 1% แต่ส่งผลให้ O’Reilly สามารถทำ same store sales growth ได้เฉลี่ยประมาณ 6% ต่อปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

3) ใช้ประโยชน์จาก Economies of scale ยิ่งบริษัทขยายสาขาได้มากก็ยิ่งมีต้นทุนที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็นราคาอะไหล่หรือค่า marketing ที่ลดลงเมื่อเทียบกับ revenue

แต่ที่บริษัททำไม่เหมือนเจ้าอื่นคือเอาผลประโยชน์ตรงนี้คืนกลับไปให้ลูกค้า ด้วยการลดราคาของลงตามต้นทุนที่ลดลงจาก supplier

และยังลงทุนกับเรื่องการทำ delivery, สร้างศูนย์กระจายสินค้า, พัฒนา in-store software, ทำแบรนด์ของตัวเองขายในราคาถูก และอีกมากมาย เพื่อเพิ่ม customer experience ที่ดีให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

4) การทำ Capital Allocation ที่ดี บริษัทเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขา, ขยาย supply chain, การพัฒนาเทคโนโลยีใช้ภายในร้าน

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้คือการซื้อกิจการของคู่แข่งเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมแล้วมารีแบรนด์ใหม่เป็นของตัวเอง วิธีนี้ทำให้บริษัทได้ขยาย locations ใหม่ๆ และยังได้การประหยัดต้นทุนกว่าการไปสร้างสาขาใหม่ด้วยตัวเอง

และอย่างสุดท้ายคือการซื้อหุ้นคืน โดยเฉลี่ยจำนวนหุ้นจะลดลงประมาณ 6% ต่อปีใน 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ EPS ของบริษัทเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างโมเดลที่น่าจะนำไปใช้ดูกับบริษัทอื่นได้เป็นอย่างดี เพื่อนๆลองนำไปใช้กันดูครับ

แอดเติ้ล

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น