Platform

6 ประเด็นสำคัญจากคลิปของ พี่ตู้และพี่แดม
“ทำไมแพลตฟอร์ม ถึงเป็นโมเดลธุรกิจที่ชนะรวบ และล้มยาก”  l Talk ลงทุนแมน

1.เรื่อง Platform Business และ Network Effect
– “Platform Business” คือโมเดลธุรกิจที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานหลายกลุ่มให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม
– Network Effect คือการที่มูลค่าของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเมื่อมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น เช่น “Facebook, LINE, Shopee”
– ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Shopee ที่มีผู้ขายมากขึ้นดึงดูดผู้ซื้อ และผู้ซื้อที่มากขึ้นก็ยิ่งดึงดูดผู้ขาย เป็นวงจรที่เสริมกัน
– ข้อดีของ Platform Business คือ
     –> Scalability: สามารถขยายตัวได้รวดเร็วด้วยต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำ เช่น ซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัล
     –> Durable Competitive Advantage (DCA): เมื่อถึงจุด Network Effect ที่แข็งแกร่งแล้ว คู่แข่งใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยาก ทำให้แพลตฟอร์มมีความยั่งยืน
     –> Low Marginal Cost: การเพิ่มผู้ใช้ใหม่ไม่ทำให้ต้นทุนเพิ่มมาก เช่น Netflix ที่เพิ่มสมาชิกโดยต้นทุนการผลิตคอนเทนต์ไม่เพิ่มตาม

2. ความเข้าใจผิดที่มักเจอบ่อยๆ เกี่ยวกับ Platform Business
– Platform Business ไม่ใช่แค่เป็นคนกลาง (Middleman) เช่น 7-Eleven เป็น Retailer ไม่ได้สร้าง Network Effect อย่างแท้จริงแม้จะมีองค์ประกอบแพลตฟอร์มบางส่วน

3. ข้อเสียและความเสี่ยงของ Platform Business
– Technological Shift การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น จาก Desktop OS ไป Mobile OS ทำให้ธุรกิจที่ไม่ปรับตัวทันเช่น Microsoft สูญเสียส่วนแบ่งตลาด
– Consumer Behavior Shift พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เช่น MySpace เสียส่วนแบ่งให้ Facebook ที่ปรับตัวได้ดีกว่า
– High Tipping Point บางแพลตฟอร์มต้องการ Network Effect ในระดับที่สูงมากเพื่อถึง Critical Mass ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก หากไม่ถึงจุดนั้นก็จะไม่สามารถขยายตัวได้

4. การประเมิน Platform Business ที่ดี
– วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของ Network Effect เช่น C2C (Customer-to-Customer) อย่าง Airbnb หรือ YouTube มักมี Network Effect ที่แข็งแกร่งกว่า B2C (Business-to-Customer)
– ควรเลือกแพลตฟอร์มที่สามารถขยายตัวได้ง่ายและรวดเร็ว (Scalability and Virality)
– วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง Global Effect เช่น Airbnb ที่มีผลทั่วโลก กับ Local Effect เช่น Uber ที่ผลต่อผู้ใช้จำกัดในพื้นที่
– คุณภาพของ Management สำคัญมาก ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์และปรับตัวได้ดีตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด

5. ไม่มีที่ยืนสำหรับเบอร์สอง:
– ใน Platform Business เบอร์สองมักไม่มีที่ยืน เบอร์หนึ่งจะได้รับประโยชน์จาก Network Effect อย่างเต็มที่ เช่น Uber เทียบกับ Lyft หรือ iOS และ Android ที่ครองตลาด Mobile OS โดยไม่มีพื้นที่สำหรับระบบอื่นๆ

6. ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุน Platform Business
– ตรวจสอบจุด Critical Mass ของแพลตฟอร์มว่าต้องใช้ทรัพยากรและเวลามากแค่ไหนในการไปถึง
– Network Effect เป็นแค่หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้แพลตฟอร์มมีศักยภาพ ต้องดูปัจจัยอื่นๆ เช่น ขนาดตลาด (TAM) และ Unit Economics
– แพลตฟอร์มบิสเนสมักเป็นตลาดที่ผู้ชนะได้ทุกอย่าง (Winner Takes All) การลงทุนในเบอร์สองอาจไม่ประสบความสำเร็จ

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น