SWITCHING COSTS

ข้อความนี้กล่าวถึงความท้าทายและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ Hewlett Packard (HP) ที่ย้ายระบบการจัดการคำสั่งซื้อในแผนกการขายของอเมริกาเหนือไปยังระบบ SAP ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบ ERP ที่เป็นที่นิยมในธุรกิจขนาดใหญ่

ในตอนแรก การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับการวางแผนและเตรียมการอย่างดีโดย Christina Hanger รองประธานอาวุโสของ HP เธอได้เตรียมการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น เพิ่มเซิร์ฟเวอร์และกำลังการผลิตที่โรงงาน HP ในโอมาฮา อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเตรียมการอย่างดี แต่การย้ายไปยังระบบ SAP ก็ยังเกิดปัญหา ส่งผลให้คำสั่งซื้อของลูกค้าหยุดชะงักถึง 20% และส่งผลให้ HP สูญเสียรายได้ถึง 160 ล้านดอลลาร์

ตัวอย่างนี้เป็นการเน้นถึงต้นทุนสูงและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนระบบ ERP ซึ่งรวมถึงต้นทุนที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสูญเสียทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเปลี่ยนแปลง

ค้าปลีก

รายงานการช็อปปิ้งใน Sam’s Club ในมณฑลกวางตุ้งเดือนมิถุนายนแสดงให้เห็นถึงความนิยมในภาคค้าปลีกของจีน โดยทั้งร้านค้าระดับสมาชิก (high-end membership) และร้านลดราคาที่เน้นคุณค่า กำลังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้บริโภคในเมือง

จากรายงาน “100 ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในจีนปี 2023” พบว่า 100 แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำมียอดขายรวม 868 พันล้านหยวน (ประมาณ 121.5 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลง 7.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และจำนวนสาขาลดลง 16.2% เหลือประมาณ 23,800 สาขา

ถึงแม้ว่ายอดขายจะลดลง Walmart China ยังครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขาย 120.2 พันล้านหยวน คิดเป็น 14% ของรายได้รวมของซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 100 แบรนด์

แบรนด์ Yonghui Superstores และ RT-Mart (China) ตามมาเป็นอันดับสองและสาม ขณะที่กลุ่มร้านค้าสมาชิกและร้านค้าลดราคาในเมืองชั้นหนึ่งและสองมียอดขายและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

กลุ่มร้านค้าสมาชิก เช่น Sam’s Club ของ Walmart, Costco และ Fudi เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยใน 100 แบรนด์ที่สำรวจ มี 44 แบรนด์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะร้านค้าในเมืองชั้นล่าง (lower-tier cities) เช่น Dazhang Group จากเหอหนาน, Xinyulou จากเหอเป่ย และ Beauty Group จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

จากรายงานในปี 2023 ระบุว่าร้านค้าสมาชิกและร้านค้าลดราคามีการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้ว่าภาคค้าปลีกโดยรวมจะชะลอตัวลง โดย Walmart China ซึ่งรวมถึงทั้ง Walmart Supermarket, Hypermarket และ Sam’s Club ยังคงครองตำแหน่งสูงสุด

Walmart ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มร้านค้าสมาชิก โดย Sam’s Club ขยายสาขาเป็น 48 แห่งในจีน และวางแผนจะเปิดอีก 6 แห่งในปีนี้ Sam’s Club มียอดขายในจีนเกินกว่า 80 พันล้านหยวนในปี 2023

CEO ของ Walmart, Douglas McMillon ได้กล่าวในรายงานผลประกอบการว่า Sam’s Club มีคำสั่งซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซมากกว่า 55 ล้านคำสั่ง โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน และยอดสมาชิกเพิ่มขึ้น 25% ซึ่งรวมถึงการต่ออายุสมาชิก

Sam’s Club ยังมีอัตราการต่ออายุสมาชิกเกิน 80% และประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรอย่างดีและคุณภาพเป็นจุดแข็งของแบรนด์

PVT

ในปีนี้ PV Trans (รหัสหุ้น PVT) ได้วางแผนขยายกองเรืออย่างทะเยอทะยาน ซึ่งหากสำเร็จ กำลังการขนส่งรวมของกองเรือจะเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยในปี 2023 บริษัทนี้ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 4,200 พันล้านดอง สูงกว่าปีก่อนถึง 2.5 เท่า ซึ่งเป็นการลงทุนสูงสุดที่เคยมีมา ส่งผลให้ PV Trans มีเรือ 51 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน สารเคมี และสินค้าแห้ง รวมทั้งสิ้น 1.4 ล้าน DWT (Deadweight Tonnage) เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปี 2022

PV Trans กลายเป็นบริษัทขนส่งทางทะเลที่มีกองเรือใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดย 85% ของกองเรือให้บริการตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าขนส่งทางทะเล เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทะเลแดง

สำหรับปี 2024 บริษัทหลักทรัพย์ Mirae Asset คาดการณ์ว่า PV Trans จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 31% เป็น 12,428 พันล้านดอง และกำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 30% เป็น 1,279 พันล้านดอง ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์

แม้ว่าฝ่ายบริหารของ PV Trans จะตั้งเป้ารายได้ในปี 2024 ไว้อย่างระมัดระวังที่ 8,800 พันล้านดอง และกำไรสุทธิ 760 พันล้านดอง ลดลงจากปี 2023 แต่บริษัทนี้มักตั้งเป้าต่ำกว่าความเป็นจริง โดยผลประกอบการจริงมักจะเกินเป้าเสมอ

ด้านการเงิน PV Trans มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 2,237 พันล้านดอง โดยมีหนี้สินรวม 5,927 พันล้านดองในปี 2023 แต่การเงินยังคงอยู่ในสถานะปลอดภัย ด้วยเงินสดและเงินฝากกว่า 4,500 พันล้านดอง

13/03/2024

#PVT #WatchList

สรุปผลการดำเนินงานและการประเมินอนาคตของ PV Trans ในปี 2024-2025

  1. แนวโน้มผลประกอบการ 2024-2025
  • รายได้และกำไรของ PV Trans คาดว่าจะเติบโต 11%-13% และ 9%-15% ตามลำดับ หากราคาค่าขนส่งยังคงอยู่ในระดับสูงและความสามารถในการขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15%-20% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
  • หากบริษัทสามารถซื้อเรือเพิ่ม 2-3 ลำ ระหว่างไตรมาส 3 ปี 2024 ถึง ไตรมาส 3 ปี 2025 รายได้จะเพิ่มขึ้นอีก 350-550 พันล้านดอง
  • การลงทุนเรือใหม่ 12 ลำในปี 2023 คาดว่าจะเพิ่มรายได้ 650-850 พันล้านดองในปี 2024 โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมันและสารเคมีให้กับโครงการ Long Sơn ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024
  1. การประเมินมูลค่า
  • รายได้รวมของ PV Trans ในปี 2024 และ 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 10,250 พันล้านดอง และ 10,750 พันล้านดองตามลำดับ
  • กำไรสุทธิจากบริษัทแม่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,065 พันล้านดองในปี 2024 และ 1,255 พันล้านดองในปี 2025 ซึ่งเทียบเท่ากับ EPS 3,300 และ 3,820 ดองต่อหุ้น
  • ราคาต่อบัญชี (P/B) และราคาต่อกำไร (P/E) อยู่ที่ 1.4 และ 1.3 ซึ่งคาดว่าราคาหุ้น PVT จะเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ดองต่อหุ้นในปี 2024 และ 47,000 ดองต่อหุ้นในปี 2025
  1. ผลการดำเนินงานเด่นในปี 2023
  • รายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9,556 พันล้านดอง เพิ่มขึ้น 5.6% จากปี 2022 รายได้จากธุรกิจขนส่งหลักเพิ่มขึ้น 12.73%
  • การขนส่งระหว่างประเทศเติบโต 12.84% และภายในประเทศเติบโต 12.61%
  • บริษัทจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าในปี 2023 ถึง 741 พันล้านดอง เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากการเช่าเรือ 5 ลำ
  • บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่หมดอายุทางบัญชีแต่ยังใช้งานอยู่ มูลค่ารวม 678 พันล้านดอง คาดว่าจะขายเรือออกอีก 3 ลำในปี 2024-2025 สร้างกำไรสุทธิ 150-250 พันล้านดอง
  1. การลงทุนและแผนการในปี 2023 และ 2024
  • PV Trans ลงทุนซื้อเรือใหม่ 7 ลำในปี 2023 โดยบริษัทแม่ซื้อเรือ 4 ลำ รวมถึงเรือขนส่งน้ำมันและสารเคมี และหน่วยธุรกิจย่อยลงทุนเพิ่มอีก 3 ลำ รวมทั้งการเช่าเรือแบบมีสิทธิ์ซื้อ
  • ในปี 2024 บริษัทวางแผนลงทุนซื้อเรือใหม่ 4-5 ลำ มูลค่า 132 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,375 พันล้านดอง)
  1. การเติบโตในเชิงคุณภาพ
  • ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจนและการบริหารจัดการที่ทันสมัย PV Trans สามารถเติบโตต่อเนื่องได้ถึง 12 ปีติดต่อกัน โดยในช่วง 5 ปีล่าสุด (2019-2023) มีกำไรก่อนหักภาษีมากกว่า 1,000 พันล้านดอง

TCBS แนะนำ 5 หุ้นที่มีศักยภาพครึ่งหลังมี.ค
PVT: คาดว่าในไตรมาสแรกของปี 2567 บริษัทจะได้รับมอบเรือขนส่งสินค้าขนาด Handy Size จำนวน 1 ลำ (~28,000 DWT) ใน
ในปี 2567 บริษัทจะลงทุนในเรือขนส่งใหม่ประมาณ 4-6 ลำ (ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 20%)
นอกจากนี้ ความตึงเครียดในทะเลแดงในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่ออัตราการขนส่ง
การประเมินมูลค่าที่น่าสนใจด้วย P/E fw 7.4 เท่า สำหรับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม โดยครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในการขนส่งน้ำมันดิบและ LPG ของโลก
นัด

สรุปแผนการขยายทีมเรือและการเพิ่มทุนของ PV Trans (PVT)

  • แผนเพิ่มทุน: PV Trans วางแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้น 2-3 เท่า เพื่อรองรับการขยายทีมเรือ โดยตั้งเป้าเพิ่มความสามารถในการบรรทุกขึ้น 65% ภายในปี 2025
  • การลงทุนในปี 2024: ในเดือนกันยายน 2024 PV Trans ได้ลงทุนซื้อเรือใหม่ 4 ลำ ได้แก่:
  1. เรือขนส่งสารเคมีขนาด 20,000 DWT ชื่อ NV Apollo ซึ่งลงทุนโดย Nhật Việt Trans (กรกฎาคม 2024)
  2. เรือบรรทุกสินค้าขนาด Handysize ชื่อ PVT Gloria ขนาด 35,700 DWT ลงทุนโดย Công ty Cổ phần Hàng hải Thăng Long (มีนาคม 2024)
  3. เรือบรรทุกสินค้าขนาด Supramax ชื่อ PVT Topaz ลงทุนโดย Công ty Cổ phần Vận tải Phương Đông Việt (PDV) (กันยายน 2024)
  4. เรือ LPG ขนาด Coaster ลงทุนโดย Công ty Cổ phần Vận tải khí (GSP)
  • แผนลงทุนในอนาคต: Chứng khoán FPT คาดว่า PV Trans จะลงทุนเรือใหม่เพิ่มเติมอีก 12 ลำ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2025-2030 เน้นเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป/สารเคมี เรือ LPG และเรือบรรทุกสินค้า
  • จำนวนเรือและเป้าหมายในปี 2027: ภายในปี 2027 PV Trans คาดว่าจะมีเรือทั้งหมด 68 ลำ รวมความสามารถในการบรรทุกที่ 1.9 ล้าน DWT ซึ่งคิดเป็น 75% ของแผนการลงทุนในช่วงปี 2024-2025

เทคนิคเลือกหุ้นเด้ง #แบบStepByStep

ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั้งไทยและจีน เริ่มดูดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ

ผมขอสรุปเทคนิคสั้นๆสำหรับเพื่อนๆที่พึ่งเริ่มลงทุน หรือต้องการตำแนะนำสั้นๆในการเลือกหุ้นนะครับ สรุปมาให้แล้ว ลองเอาคุณสมบัติเหล่านี้ไปดูหุ้นที่กำลังเลือกดูอยู่ น่าจะช่วยให้เลือกหุ้นได้คุณภาพดีขึ้นครับ

==========
ขออนุญาติโปรโมตสั้นๆครับ
ตอนนี้ผมกำลังเปิดคอร์สเรียน วิธีการหาหุ้น 10 เด้งอยู่นะครับ

ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มและลงทะเบียนได้ใน Link เลยครับ -> https://bit.ly/tl10xen

  1. โครงสร้างงบการเงินสวย ค่าใช้จ่ายควรโตน้อยกว่ารายได้ในระยะยาว เช่น รายได้โต 10% กำไรโต 15-20% เพราะการจะหาหุ้นที่เติบโตสูงๆค่อนข้างยาก หาเจอแล้วต้องคุ้ม กำไรต้องโตดีกว่ารายได้
  2. รายได้สามารถเติบโตเฉลี่ยได้มากกว่า 10%+ ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า (ถ้าโตได้มากกว่านี้ก็ดี ยิ่งโตแรงได้ยิ่งดี) อย่างน้อยๆการันตีว่ามีการเติบโตต่อเนื่องจะช่วยให้โอกาสติดดอยน้อยลง ถึงติดก็จะลงดอยได้
  3. ความเป็นไปได้ในการเติบโตสูง เป็นหุ้นโตง่ายโดยธรรมชาติ หุ้นโตยากคืออะไร? ก่อนโตต้องลงการตลาดมหาศาล หรือต้องรอการอนุมัติของกฏหมายบางอย่างที่ไม่มีความแน่นอน รายได้ขึ้นๆลงๆไม่มีเสถียรภาพ
  4. เติบโตแล้วอำนาจต่อรอง ความได้เปรียบในการแข่งขันควรจะต้องสูงขึ้น ถ้าอำนาจต่อรองต่ำลง หรือไม่สูงขึ้น การเติบโตอาจจะไม่มีเสถียรภาพได้
  5. หาหุ้นที่จะเป็นดาวค้างฟ้า โตไปแล้วต้องไม่ตกกลับลงมา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หายาก อาจจะมีไม่ถึง 5% ของตลาดด้วยซ้ำไป
  6. หุ้นเด้งที่นอนหลับ กับหุ้นเด้งที่นอนไม่หลับ ต่างกันเยอะมาก พยายามหาหุ้นเด้งที่ถือแล้วนอนหลับ สบายใจ สุขภาพดี มีความสุข แบบนี้หายากกว่าหุ้นเด้งที่ถือแล้วนอนไม่หลับเยอะ อันนี้มีเกลื่อนเลย
  7. Valuation ต้องไม่สูงจนเกินไป ไม่ต้องถูกแบกับดินก็ดิน แต่ห้ามสูงเวอร์ Ballpark Number ของผมคือ Trailing P/E ห้ามเกิน 40 ถ้าเป็น Forwawrd P/E เนี่ยควรอยู่ที่ 15-20 เท่าเป็นอย่างมาก แต่ถ้าได้น้อยกว่านี้จะดีมากๆครับ
  8. ความเสี่ยงต่ำ ความคาดหวังไม่มาก หุ้นที่โปรโมตตัวเองจนเกินควร ส่วนใหญ่เข้าไปรับของ หุ้น IPO (It’s probably overprice) ถ้าของมันดีไม่มีใครมาตะโกนบอกเราหรอกครับ มีแต่จะเก็บเงียบๆไว้ มาตะโกนบอกอีกทีคือต้องการปล่อยของละ
  9. มีลุ้นต่อยอดเป็น 10 เด้งต่อได้ อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของ Business Model หรือมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกอย่างรุนแรง
  10. ผู้บริหารต้องไม่มีประวัติทุจริต Warren Buffett เคยบอกไว้ว่าดู 3 อย่าง Intelligence (ความฉลาด), energy (ความขยัน), intrigrity (ความสุจริต) ถ้าคนไม่จริงใจ โกหก ไม่สุจริตเมื่อไหร่ ตัดทิ้งทันที เพราะคนๆนั้นจะเอาความฉลาดและความขยันมาโกงนักลงทุน
  11. Skin in the Game ของผู้บริหาร ลงทุนแบบเหาฉลาม เกาะไปกับคนเก่ง คนที่มีความสามารถ ต้องหาผู้บริหารที่มีสัดส่วนการถือหุ้นที่มาก ถ้าเป็นหุ้นไทยต้องอย่างน้อยๆ 50%+ ถ้านักลงทุนรวยผู้บริหารจะรวยกว่า แต่ถ้าถือหุ้นน้อยๆมีแนวโน้มที่จะหาผลตอบแทนในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ราคาหุ้น (ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกันครับ)

NSC

Vinaseed ก่อตั้งในปี 1968 และเป็นบริษัทอิสระภายใต้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนาม (Bộ NN và PTNT) โดยเริ่มต้นในฐานะองค์กรของรัฐและมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นบริษัทมหาชนในปี 2003 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเพียง 13.5 พันล้านดองและมีรายได้รวม 50 พันล้านดองในขณะนั้น แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดีและการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (KHCN) เป็นพื้นฐานในการพัฒนา จึงสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว

หลังจาก 15 ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทมหาชน Vinaseed ได้เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเกษตรกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีการผลิตถึง 100,000 ตันเมล็ดพันธุ์ซึ่งเพียงพอสำหรับพื้นที่เพาะปลูกกว่า 2 ล้านเฮกตาร์ และมีรายได้ 1,889 พันล้านดอง โดย 80% ของผลิตภัณฑ์นั้นมาจากการวิจัยและพัฒนาเชิงวิทยาศาสตร์

ผลประกอบการที่สำคัญของ Vinaseed:

  • รายได้รวม: 1,889 พันล้านดอง
  • กำไรสุทธิ: 200 พันล้านดอง
  • อัตราการเติบโตเฉลี่ย: 30% ต่อปี

Vinaseed ยังติดอันดับท็อป 10 บริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนาม และยังเป็นบริษัทในกลุ่ม 500 อันดับแรกที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในเวียดนาม รวมถึงการเป็นบริษัทที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

กลยุทธ์การพัฒนาของ Vinaseed ภายในปี 2025 และวิสัยทัศน์ในปี 2030:

  • ลงทุนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • มุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลัก
  • พัฒนาทีมงานที่มีคุณภาพสูงเพื่อรองรับการเติบโตและการพัฒนาของบริษัท
  • ขยายความร่วมมือกับต่างประเทศ

นอกจากนี้ Vinaseed ยังประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น การส่งออกข้าวไปยังสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป และญี่ปุ่น ด้วยการควบคุมห่วงโซ่การผลิตข้าวและเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท

Micron

หุ้น Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้น 14.73% เมื่อคืนที่ผ่านมา หนุนมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 1.40 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 1.09 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังเผยคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรก ที่บ่งชี้ถึงความต้องการและราคาชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) สำหรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่แข็งแกร่ง 

Micron รายงานการเติบโตรายได้ไตรมาส 4/2024 (สิ้นสุดวันที่ 29 ส.ค.) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในรอบทศวรรษ และสูงกว่าคาดการณ์นักวิเคราะห์ โดยรายได้รวมในไตรมาส 4/2024 อยู่ที่ 7.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 36.5%

ไรอัน เดทริค (Ryan Detrick) หัวหน้านักยุทธศาสตร์ตลาดของ Carson Group กล่าวว่า “หากแนวโน้มของ Micron เป็นทิศทางขาขึ้น ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ AI และ เทคโนโลยี”

ด้านหุ้นผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ ยังได้แรงหนุน หลัง Micron เผยคาดการณ์รายได้ ก่อนลดช่วงบวกลงหลังมีรายงานข่าวระบุว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ (DOJ) กำลังสอบสวน Super Micro Computer บริษัทผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ ด้านหุ้น Qualcomm และ AMD ปรับตัวขึ้นประมาณ 2% โดยดัชนี Philadelphia Semiconductor บวกขึ้นประมาณ 2% หลังจากปรับตัวขึ้นกว่า 4% ในช่วงต้นของการซื้อขาย

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของ Micron นั้นค่อนข้างต่ำในรอบการรายงานผลประกอบครั้งนี้ โดยความกังวลเรื่องราคาชิป HBM ที่คาดว่า จะอ่อนตัวลงเนื่องจากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น Micron ก่อนที่บริษัทจะรายงานผลการดำเนินงาน โดยหุ้นของ Micron ร่วงลงมากกว่า 20% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ความกังวลด้านราคาได้คลี่คลายลง โดยราคาชิป HBM ที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นของ Micron เพิ่มขึ้นได้ หลังจากบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตชิปกลุ่มที่มีราคาสูง

🔰สรุปรวม 4 Session + Q&A งาน “ เสวนาหุ้นไทย หุ้นนอก “ โดยลงทุนแมน [ครบ]


.

สรุปโดย ลงทุนดิ

Session1 : สรุปเรื่องราว โอกาสการลงทุน และความเสี่ยง ในปี 2024

Session2 : ลงทุนประเทศไหนมีอนาคต

Session3 : การจัดสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุน

Session4 : คอมเมนต์หุ้นยอดนิยม

Q&A

.

Session1 : สรุปเรื่องราว โอกาสการลงทุน และความเสี่ยง ในปี 2024 | ลงทุนแมน

หุ้นฮ่องกงพีคปี2008ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปัจจุบันยังไม่ไปสู่จุดเดิมเลย

ลงหุ้นอเมริกา หุ้นที่โดดเด่นคือหุ้น7นางฟ้า ขึ้นเยอะมาก ถ้าเราถือยาวเกินหลายปีผลตอบแทนจะมหาศาล ซึ่งสิ่งที่มีเหมือนกันคืออยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเน้นพัฒนาAI(ยุคที่AIจะฉลาดกว่ามนุษย์)

หุ้นไทยตัวใหญ่ๆจะเป็นธุรกิจสัมปทานและผูกขาด


Session2 : ลงทุนประเทศไหนมีอนาคต

อเมริกา

(พี่หลิน)ประเทศอเมริกาตั้งแต่ปี 4กรกฎาคม1776 ก่อตั้งประเทศเป็นเสรี ช่วงแรกเป็นยุคไฟเนนซ์ ยุคต่อมาเป็นยุคขนส่งรถไฟ ยุคต่อเป็นเป็นพลุงงาน ปัจจุบันเป็นยุคIoTและเทคโนโลยี (เซียนมี่) มองสหรัฐอเมริกาว่าเก่งทุกด้าน ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศถึงดึงดูดนักท่องเที่ยว และคนเก่ง&แรงงาน การวางรากฐานระยะยาวได้ดีที่สุดเรื่องทุนนิยม เปรียบเสมือนเซนทรัลเวิร์ด ส่วนจีนเปผ้นตลาดโบ้เบ้ มีบริษัทที่ขับเคลื่อนศก.โลก และDisruptedธุรกิจหลายประเทศ BMแบบเดิมเรื่องไม่มี ต้องเป็นเทคโนโบยีใหม่ และกรีดกันจีนค่อนข้างดี /อเมริกาเก่งเรื่องพิมพ์เงินเสียดุลการค้า แต่หล่ยประเทศต้องสำรองเงินดอลลาห์ ถ้าหลายประเทศไม่เก็บ$เป็นทุนสำรองอาจจะมีความเสี่ยงในอนาคต 4ดาวหักความเสี่ยงด้านการเงินนิดนึง Valuationคิดว่าแพงเพราะเป็นเหตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน จะคำนวณค่อนข้างยาก (ลงทุนแมน) 1.มีงบประมาณใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะด้านการทหารไม่มีใครสู้ได้ 2.อเมริกาเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 3.GDPค่อนข้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอเมริกาขายของให้คนทั่วโลกไม่ไช่แค่ขายให้คนอเมริกา เช่นIphone และหุ้นกลุ่ม7นางฟ้า เทสลาร์ไปเมืองจีน อเมริการคุณภาพน่าจะดีที่สุด แต่ราคาก็ขึ้นมาเยอะแล้วไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงจนซื้อไม่ได้

ประเทศจีน

(พี่หลิน) ประเทศจีน สร้างทุนนิยมแบบกงสี คนจีนเก่งเรื่องการค้ามากเราควรหาหุ้นจากกลุ่มนี้ ประเทศจีนผลิตเก่ง ส่งออกชา ผ้าไหม ไปอังกฤษส่งเยอะมากจีนอยากได้แต่เงิน คนเชื่อสายจีนเก่งหมด เช่น คนฮ่องกง สิงคโปร์ 3ดาวจีน เราต้องอ่านข้อมูลและเข้าใจประเทศอย่างแท้จริง ถ้าเราเข้าใจอาจจะหาหุ้นเด้งได้เพราะValueationยังค่อนข้างภูก (พี่มี่) จีนเก่งเรื่องการผลิตและการค้า มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการจีนคิดตั้งแต่วันแรกว่าอยากเป็นGlobal band จีนแกะและก็อบโมเดลมาหาทางไม่ให้ติดลิขสิทธิ์ ตั้งแต่เติ้ง เสี่ยวผิงมาบริหารเก่งมากเติบโต3digit ซึ่งไม่เคยมามาก่อนในประวัติศาสตร์ เมื่อก่อนจีนเร่งมีลูกมากเพราะคนตายเยอะจนรัฐบาลออกนโยบายลูกคนเดียว ปีที่แล้ว-2ล้านกว่าคน GDP per capita ยังน่าจะมีช่องเติบโตอยู่ โต4-5%ไปอีก5-10ปีได้อยู่ 3ดาว หุ้นถูกมาปันผล10% P/E3-4 เท่า ซึ่งถูกมากแต่ต้องมีplaybook มาจับว่าจะลงทุนอย่างไร (ลงทุนแมน) ดูValueationมากกว่าคุณภาพ ดูว่าวางเงินไปแล้วจะเติบโตไปเท่าไหร่ ควรลงแต่หุ้นที่มีแบรนด์ถามคนจีนแล้วรู้จัก จะได้ไม่ถูกโกง เช่นTiktok ที่คนไทยเล่นเยอะมาก ,EVก๊อบมาแล้วพัฒนาจนดี ประเทศจีนทั้ง3คนให้คุณภาพสามดาว ราคาถูก

เวียดนาม

(พี่หลิน) เวียดนามมีอุตสาหกรรมเยอะมาก 1986มีการปฏิรูปเศรษฐกิจหลังสงคราม จนปัจจุบันเวียดนามมีROEสูงมาก ซึ่งในอนาคตอาจจะลดลง เพราะมีการแบ่งธนาคารบริการในแต่ละโซน คุณภาะเวียดนามให้2ดาว ส่วนเรื่องราคาไม่ได้ถูกไม่ได้แพง (พี่มี่) เวียดนามค่อนข้างคาดการณ์ได้ เวียดนามชอบแข่งขัน รัฐบาลชอบเปิดให้แข่งขันเรื่องธุรกิจจึงไม่รู้ว่าใครจะชนะอย่างแท้จริง ถ้ามองไปไกลๆหลายคนมองว่าปลาชุมเป็นNext of thailand แต่เราจ้องรู้ความลึกของน่านน้ำด้วย ไม่งั้นจะหลงทิศ 4ดาวเพราะจะก้างไปสู่Frontier market ให้มากว่าจีนเพราะ จีนอาจจะมีเหตุการณ์แปลกๆในอนาคตได้ (ลงทุนแมน) ดูท็อป20 อันดับยังไม่เห็นอะไรที่สนใจส่วนใหญ่เป็นธนาคาร เวียดนามเหมือนไทย20ปีที่แล้ว คาดการผู้ชนะได้ยาก ถ้าลงทุนในหุ้นGoogleยังคาดการณ์ได้ง่ายกว่า ลงทุนได้แต่ต้องFocus คัดเลือกดีๆเพราะเราอยู่ไกลต้องติดตามมากๆ ราคาไม่ได้ถูกมาก ถ้าเราเล่นโหมดยากก็เลือกเวียดนามได้ แต่อาจจะได้ผลตอบแทนที่สูง

ประเทศไทย

(พี่หลิน) ภาษาไทยคือMoatที่สำคัญที่สุดของไทย ฟังoppdayภาษาไทย ฝรั่งทำไม่ได้ ส่วนจุดแข็งของประเทศไทยคืออ่อนน้อมและwelcomeต่างชาติ เอาวัฒนาธรรมมาผสมกับนิสัยคนไทย จึงเกิดSoft power 1.อาหาร 2.ภาพยนต์ 3.แฟชั่นไทย 4.มวยไทย 5.เทศกาลประเพณี เราต้องไปแยกประเด็นดูว่ามีอะไรน่าสนใจ คุณภาพ4ดาว ราคาค่อนข้างถูก (พี่มี่) คุณภาพสูงแต่จับต้องยากคาดเดาลำบาก แต่มีเสน่ห์ ถูกหรอมรวมเป็นคนไทย พม่าเกิดปัญหากลางเมืองทะลักไหลเข้ามาในไทย รัฐเซียยูเครน มีปัญหากันก็บินเข้ามาในไหย ประเทศไทยเปิดรับและหลอมรวมทุกเทศกาลมีวันหยุดเยอะมาก ฮ่องกงมีการแข่งขันสูงทำให้คนเครียด ไม่สนับสนุนคนแพ้ อัตราการฆ่าตัวตายเลยสูงซึ่งไม่เหมือนไทย ประเทศไทยนอน10โมงเพื่อนโทรมายังไม่ตื่น ไทยอาจจะเกี่ยวกับผู้นำประเทศยุตก่อนไม่เน้นGrowth แต่ปัจจุบันเรามีผู้นำที่ดี และมีเศรษฐกิจใต้ดินอีกเกือบ50% มองภาพรวมอาจจะยังไม่ถูก แต่รายตัวถูกเป็นประวัตรการณ์ (ลงทุนแมน) เมืองไทยได้เปรึยบนัลงทุนอื่น เช่นเฮลบลูบอย ต่างชาติไม่เข้าใจว่าคืออะไร บางธุรกิจเห็นชัดว่าจะโตไปได้เรื่อยๆ ถ้าListหุ้น100อันดับแรกในไทย เราแทบจะรู้จักหมดเลยไม่เหมือนเวียดนาม ประเทศไทยคุณภาพไม่ได้แย่แต่ต้องคัดเลือก เล็งว่าจะซื้อหุ้นไทยเพิ่มเพราะราคาหุ้นในรอบ10ปี

ปนะเทศอื่นๆ (พี่หลิน) เลือกประเทศที่เรามีpassion ตลาดหุ้นอินโด และฟิลิปปินส์ก็น่าสนใจ (พี่มี่)ชอบอินโดนีเซีย เพราะเหมือนประเทศไทย ถ้าชนะแล้วกินรวบ แต่ออกไปต่างประเทศยาก อาจจะเป็นเพราะconnectionในประเทศ คนเติบโตเยอะมาก เฟรนลี่ คนชวนเดินคุย ธุรกิจที่นั้นก็น่าสนใจ


Session3 : การจัดสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุน

(พี่หลิน) การหากหุ้นต่างประเทศต้องรอให้ถูกก่อน หุ้นจีนบางกลุ่มก็เริ่มมีปัญหาเริ่มถูกแล้วแต่อากงไม่ชอบ เช่น1.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และโรงเรียน แต่อาจจะฟื้นได้ในอนาคต 2.หุ้นโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟถูกมาก 3.กลุ่มเทคโทโลยี ROEต่ำเพราะแข่งขันกันสูง แต่หุ้นมีถูกและมีคุณภาพ หุ้นจีนพี่หลินไม่ชอบหุ้นเล็กเพราะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ชอบหุ้ยที่มีแบรนด์ดี 4.หุ้นกลุ่มConsumer ค่อนข้างเซ็กซี่ เราสามารถใช้กลยุทFarmingได้ แต่ต้องเลือกธุรกิจที่สามารถขยายไปต่างประเทศได้ เช่นPopmart ที่คนต่อแถวรอคิวกันเยอะ เราต้องดูพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย

อนาคต(หลายปีพอสมควร) อาจจะเพิ่มในตลาดหุ้นที่มีปัญหาและเข้าไปช่วยเหลือ(ซื้อ) ประเทศอินโดและอินเดีย มีบริษัทต่างชาติเข้าไปเยอะมากคาดว่าจะโจได้เหมือนเวียดนามตอนแรก ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ มีจุดที่ขายได้ แต่ยังรออยู่ รอบริษัทไทยที่ก้าวออกไปต่างประเทศได้ ถ้านักลงทุนที่อยากเปลี่ยนชีวิตประเทศไทยก็ยังมีโอกาส แต่อย่าBetมากเพราะบางที่อาจจะพลาดโอกาสในอีก4ประเทศ (พี่มี่) 50%ในไทย 50%ในจีนเป็นส่วนใหญ่ ธุรกิจยังอยู่ในAreaที่เราเข้าใจ วิธีการที่เลือกหุ้นจีนคือ หาการเติบโต แต่ไม่ชอบที่หุ้นรัฐบาลจีนไม่สนับสนุน หาธุรกิจที่มีลมใต้ปีกสนับสนุน พี่มี่จะศึกษาโมเดลที่อเมริกาแล้วมาปรับใช้ในหุ้นจีน เช่นAI ,สนามบิน เราเห็นตัวเลขการท่องเที่ยวในจีนAll time high ไปแล้ว ธุรกิจTiktokก็น่าสนใจมีคนใช้งานต่อเดือนเยอะมาก และE-commerceยังเติบโต

พี่มี่มองภาพใหญ่ มองmarketcap และP/E มองไปอนาคต5-10ปีว่าเป็นอย่างไร ส่วนหุ้นไทยเล่นตามสถานการณ์ว่าจะเกิดตรงไทยบ้างมีหุ้นกลุ่มไหนที่จะเติบโตได้เยอะ แล้วหมุนกลุ่มไปเรื่อยๆอาจจะ1-2ปี แล้วมองว่าตัวไหนถูกถ้าเทียบกับเงินสด เทียบกับมูลค่าและมีปัจจัยมาสนับสนุน. หุ้นที่ลงทุนในตลาดอเมริกาจะเป็นหุ้นประเทศจีนที่ไปจดในตลาดอเมริกา แต่จะไม่ไปลงทุนในหุ้นอเมริกาโดยตรง (พี่กวี) ตลาดหุ้นไทยยังสร้างการเติบโตหุ้น2-3เด้ง ในปี2019 ซึ่งยังชอบอยู่ ตลาดหุ้นไทยยังมีอนาคตแต่ยังมีปัญหาเรื่องอายุสูงวัยของประชากรแต่น่าจะรับรู้ไปหมดแล้วเพราะเราทุกคนก็รับรู้ เด็กรุ่นใหม่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุน เด็กจบใหม่ก็เข้ามาซึ่งจะมีเม็ดเงินตรงนี้เข้ามา

ภูมิศาสตร์ประเทศไทยเป็อะไรที่ดีมาก ซ้ายติดอินเดีย1500ล้านคน ด้านบนติดประเทศจีน1500ล้านคน และคนทั้งโลก4500ล้านคนบินมาไทยได้ใน5ชั่วโมง จีนมีคนมาเที่ยวไทยแค่10%ถ้าเพิ่มขึ้นอีก10%เป็น20% รายได้ในไทยก็ยังเพิ่มขึ้นได้ ไทยโลกร้อนถือว่าส่งผลดีเพราะผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ดี และพื้นที่ราคาไม่แพง ซึ่งถือว่าเป็นFriendly country บางส่วนของเงินลงทุนพี่กวียังรอให้ตลาดหุ้นอเมริกาวิกฤต เพราะ30ปีที่ผ่านมายังเชื่อในความไม่สมดุลของเศรษฐกิจ พี่กวีสนใจในหุ้นใหญ่ที่ถ้าเกิดวิกฤต-30% จะทะยอยเข้าไปซื้อเก็บสะสม เช่นGoogle starbuck. ส่วนหุ้นจีนจะไปทางGreen energy ,อุตสาหกรรมการผลิต (ดร.นิเวศ) ทฤษฎีของผมเมืองไทยไม่น่าลงทุน

แต่เวียดนามกำลังดีกำลังซ้ำรอยประเทศไทย ตัวเลขต่างๆก็ขึ้นมาเยอะ เน้นเล่นหุ้นsuper stock แล้วถือไปเรื่อยๆเปลี่ยนชีวิตได้ 10เด้ง ไม่ไปเวียดนาม100% เพราะเสียภาษีเยอะ และไม่ได้ไปง่ายๆดร.นิเวศถึงตั้งบริษัทตีแตกขึ้นมา วีไอต้องหาหุ้นราคาถูก คาดว่าจะเป็นsuper stockแล้วซื้อเก็บไปเรื่อยๆ อายุมากขึ้นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นการมองภาพใหญ่ เมืองไทยก็จะโตเป็นเมืองท่องเที่ยวเพราะคนไทยต้อนรับ ลองไปหาหุ้นกันดู ประเทศเวียดนามโตไปจะเป็นคล้ายๆเกาหลี อาจจะไม่เหมือนแต่เป็นน้องๆ คนเวียดนามคล้ายคนจีน ก่อนตายขอรวยก่อน โกงเงินในธุรกิจก็ยอม เปิดสาขาเป็น100แห่งก็ทำ เวียดนามประวัติศาสตร์เป็นนักสู้มาก

คล้ายๆจีนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา. ดร.นิเวศ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยไทยต้องออกไปเร็วที่สุดเพราะรู้ว่าเรื่องการลงทุนในประเทศไหนจะดีหรือไม่ดี ประเทศไทยเฉลี่ยโตแค่ปีละ1.9% ในอนาคตจะฟื้นตัวเยอะไหมถึง4-5%ไหม คุณเชื่อหรือเปล่า ต้องมองภาพใหญ่ ประเทศไทยประชากรเริ่มลดลงแล้ว (ตาย>เกิด) ตาย1คนรายได้หาไปแล้วปีละ50,000บาท ถ้าเราผลิตไม่ดีขึ้นศก.ก็จะไม่โต และคนเกรีษณเงินเดือนก็จะหายไปเยอะ คนที่จบใหม่เงินเดือนได้น้อยมาก แล้วแบบนี้ประเทศจะโตได้ยังไง ดูว่าศก.ไทยโตยาก 33%ยังอยู่ในหุ้นไทยเพราะเกิดและกินข้าวในประเทศไทยแต่อยู่ในหุ้นเดิมๆ. ส่วนอีก33%ในหุ้นจีนและอเมริกา

จะซื้อในDRเชื่อในธีมนั้นและกระจายลงทุนไป (ลงทุนแมน) ลงทุนในอเมริกามานานแล้วกำไรดีมาก ตั้งแต่7ปีที่แล้วตอนมีลงทุนแมนก็ซื้อGoogle cloudใช้งานต่างๆซื้อดีมาก ต่อมาซื้อMacbook ของAppleให้พนักงานลงทุนแมน200คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าหุ้นอเมริกาไม่ได้ไกลตัวเรา ส่วนจีนเพิ่งออกไปตอนที่จีนมีวิกฤติโดยซื้อผ่านกองทุน ประเทศไทยตอนนี้ราคาก็น่าสนใจพอสมควรplaybook ราคาไม่แพง มีกระแสเงินสด ชนะชัดเจน เติบโตต่อเนื่อง เช่นเฮลบลูบอล ถ้าราคาต่ำมีปันผล4%ขึ้นไปก็น่าลงทุน ชอบอุตสาหกรรมที่ไม่ถดถอยตามประกรที่ลดลง และขายให้กับคนทั่วโลกได้ เช่น ท่องเที่ยว


Session4 : คอมเมนต์หุ้นยอดนิยม

Novo Nordisk เป็นบริษัทเดนมาร์ค

(พี่หลิน) ก่อนลงทุนเราต้องไปดูต้นน้ำเขา ศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆ หุ้นตัวนี้เกิดจากนักวิทยาศาตร์2คน ชาวแคนาดา และขายไปให้มหาลัยโตรอนโต้1$ โนโวเกิดจากการผลิตอินซูลิน ช่วยเหลือมนุษย์ได้หลายคนมาก เมื่อก่อนอินซูลินต้องสกัดมาจากวัว แต่บริษัทBiotechสามารถใช้เทคโนโลยีสกัดออกมาได้ซึ่งทำให้โตก้าวกระโดดมาก ซึ่งมีpaperนึงที่คาดการณ์ยอดขายของโนโว ว่าจะลดลงด้วย แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนต้องมองTAM(total accessdable market) ที่จะหาอะไรเติบโตไปได้เยอะๆ ซึ่งปัจจุบันโนโวเจอยาลดน้ำหนัก(GLP1)ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย โดยไม่มีผลข้างเคียง ทำให้บริษัทหลายๆในอุตสาหกรรมเลิกทำธุรกิจนี้ไปเหลือแค่สองเจ้าใหญ่ๆ ประกอบกับการรีวิวทำการตลาดในTiktok ถือว่าเป็นขั้นตอนของการเติบโตของหุ้นตัวนึง นักลงทุนชอบการลงทุนR&Dน้อยๆ และมีการขยายไปได้หลายประเทศ (ลงทุนแมน)คนรอบข้างมีคนใช้ยาGLP1บ้างแล้วฉีดแล้วจะไม่หิวแต่ก็จะไม่มีแรงนิดนึง แต่ลดน้ำหนักเห็นได้ชัด โดสนึงราคาหลักหมื่น ไม่แปลกใจที่รายได้เยอะ (ดร.นิเวศ) ร่างกายเราฉลาดมันจะปรับตัว เคยดักจับแมลงสาบแมลงสาบยังเรียนรู้เลย ยาตัวนี้จะกินแล้วอายุวัฒนะ ซึ่งอาจารย์ไม่เชื่อเรื่องนี้ ตอนนี้วิ่งอย่างเดียว เรื่องยาส่วนตัวดร.กลัวเหมือนกัน (พี่หลิน) ปัจจุบันจีนเริ่มหันมาทำบ้างแล้วซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงของธุรกิจประเทศนี้ นักวิเคราะห์หุ้นยังพลาดกับหุ้นตัวนี้มาแล้ว แต่ถ้ามีแบบนี้มาอีกในอนาคตเราก็ไม่ควนพลาด

Xiaomi

(พี่มี่) สะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศจีนได้ดี เป็นFapless ซึ่งเสี่ยวมี่ผลิตได้ทุกหมวด โทรศัพท์ กรรไกรตัดเล็บ และปัจจุบันขายรถยนต์EVแล้ว ซึ่งมูลค่าตลาดของสมาร์ทโฟน ,IoT ,carEV ซึ่งต้องแย่งสัดส่วนทางการตลาดเพิ่มให้ได้ Ciaomi CyberDog2ถือว่าเป็นอนาคตของธุรกิจเขา หมาตัวนี้สามารถพูดคุยกับเรา เฝ้าบ้าน ปิดไฟให้เราได้ด้วย Gross margin เสี่ยวมี่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และยังรักษาmarket shareได้ดี SmartTV เป็นอันดับที่5ของโลก และอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในบ้านก็ขายได้ดีขึ้น รวมทั้งรถยนต์EV xiaomi มียอดจองในจีนที่ดีมาก โดยเสี่ยวมี่ต้องการเป็นTop5ของโลก ผู้บริหารประกาศสงว่าจะทำให้ดีที่สุด เป็นแบรนด์ระดับโลก (พี่กวี) ยุคก่อนเราใช้แบรนด์ญี่ปุ่นเช่น ฮอนด้า โตโยต้า ต่อมามีแบรนด์เกาหลีเข้ามาเช่น ซัมซุง และปัจจุบันมีแบนด์จีนเข้ามาในไทยหลายแบรนด์ เช่นเสี่ยวมี่ เสี่ยวมี่มีความแข็งแกร่ง (ลงทุนแมน) เลี่ยว จุน ผู้บริหารเสี่ยวมี่ คล้ายนโปเลียน ที่ทำศึกหลายด้าน เสี่ยวมี่ยังไม่มีสินค้าไหนที่เป็นที่หนึ่งชัดเจน โทรศัพท์ก็ยังไม่แน่นอน โดยพี่อัพมองว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นเสี่ยวมี่อาจจะมีปัญหา (พี่หลิน) เสี่ยวมี่อยู่ในเฟสของการพิสูจน์และพัฒนา โดยพี่หลินจะดูที่แบรนด์ ถ้ามีคนใช้โทรศัพท์เสี่ยวมือยกขึ้นมาแล้วภาพลักษณ์ดูดีจะทำให้ชนะ

CPALL

(พี่กวี) อยากให้มองcpall เป็นบริษัทที่สร้าง S curveใหม่ ซึ่งตอนนี้เป็นขั้นที่สำคัญมาก เพราะจะก้าวข้ามสังคมสูงวัยไปได้ไหม กำไรยังไม่กลับไปที่เดิมราคาจึงยังไม่ไปที่90บาท แต่กำไรขึ้นต้นรักษาได้เสรียรภาพได้ดี มองCPเป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งมีกลุ่มธุรกิจที่ครอบคลุมเกือบจะทั้งประเทศ(True,7-11,CPF,Makro,ธุรกิจยา) ซึ่งจะเห็นการเติบโตได้ในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่เห็น และปัจจุบันCPก็ไปจับมือกับPing Anในจีนที่จะเปิดโรงพยาบาลAI และยังตั้ง7-11เป็นstand aloneเพื่อจะตั้งเป็นศูนย์ชาร์จรถEVข้างๆปตท ซึ่งตอนนี้ปตท.เริ่มมีความกังวล ผู้บริหารมองว่าธุรกิจLogisticเป็นสิ่งที่สำคัญมาก S-curveนี้ต้องใช้เงินลงทุน จ่ายดอกเบี้ยจ่ายเยอะมากถ้าในอนาคตไม่มีดอกเบี้ยจ่ายแล้ว จะสร้างรายได้ขึ้นในอนาคต20,000ล้านบาท CPอาจจะเห็นราคาหุ้นเป็น3หลักได้ภายใน5ปี(คาดการณ์) (ดร.นิเวศ) คิดว่าเป็นสิ่งที่ไกลตัวเกินไป แต่ถ้าขึ้นตามแบบนี้ก็ดี55555 (พี่กวี)ต่างชาติเข้ามาในไทยต้องคุยกับ7-11 เพราะจะมีความได้เปรียบ (ลงทุนแมน) cpall ซื้อกิจการที่เยอะมาก และทำให้เกิดภาระหนี้ที่เยอะมาก ถือว่าเป็นความเสี่ยงอีกอย่างนึง ส่วนดีของ7-11ก็คือถือมีคนเข้ามาก็จะทำให้ ยอดต่อบิลเพิ่มขึ้น

FPT

(ดร.นิเวศ) เป็นหุ้นที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศเวียดนาม สร้างมหาลัยหลายแห่งผลิตนักศึกษาออกมาทำงาน ซึ่งFPTเป็นบริษัทชั้นนำที่พิสูจน์ผลงานมาแล้วนานพอ ถ้าในอนาคตจะเติบโตด้านอุตสาหกรรมก็น่าจะเป็นบรืษัทนี้ เห็นภาพผู้ชนะชีดเจน (พี่มี่) เคยไปCVที่มหาลัยด้วยสวยมาก แต่ปัญหาคือติดตามข้อมูลบริษัทยาก ถ้าราคาลงมาเยอะๆก็น่าสนใจ (พี่หลิน) เป็นหุ้นตัวที่ดีสุดของเวียดนาม แต่ปัญหาคืองบR&Dไม่ถูกรายงาน เสี่ยวมี่รายงานหลายแสนล้านบาท จำนวนพนักงานของFPT37,000 40,000 50,000คน ซึ่งถ้าจะโตต้องเพิ่มจำนวนพนักงาน อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ซึ่งถ้าแบบนี้พรักงงานอาจจะไปถึง300,000คน

Nvidia

(พี่กวี) AIยังไม่มีใครได้ประโยชน์ชัดเจน บริษัทนี้ได้ประโยชน์จากAI แต่ถ้าบริษัทอื่นเอาAIไปใช้ได้ก็จะทำให้มีบางเสียประโยชน์ ผู้ชนะจากธุรกิจplatformก็มีหลายเจ้าและสามารถหารายได้ได้ ส่วนที่Nvidiaจะชนะแค่ส่วนเดียวคือชิป แต่ราคาหุ้นขึ้นมาไกลมากโดยเฉพาะกลุ่ม7นางฟ้า ซึ่งหมายถึงรับรู้ข่าวดีไปพอสมควร Nvidiaยังเจอความท้าทายใหม่ๆเช่นควอนตัม คอมพิวเตอร์ เช่นIBM การผลิตสูตรยาก็เริ่มใช้ควอนตัม คอมพิวเตอร์แล้ว ในอนาคตสามารถรักษาโรคเอดด์ได้ จีนเป็นประเทศที่ลงทุนงบประมาณรัฐบาลในการสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบเงียบๆ อุตสาหกรรมที่จะใช้ควอนตัมเยอะที่สุดสุขภาพและยารักษาโลก สามารถใช้AIไปต่อยอดได้ เพราะมนุษย์มีความไม่อยากตาย (พี่หลิน) ค้านเรื่องNvidiaอาจจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศหรือเปล่า บริษัทพยายามปิดจุดอ่อนเดิมที่บริษัทอื่นๆมี ต้องวิเคราะห์Fiveforceว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จะกระทบต่อบริษัทอย่างไร (นิเวศ) แข่งกันด้วยเทคโนโลยี สร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมา มีความไม่แน่ยอยสูง เพราะในอนาคตก็จะแข่งในแบบอื่นๆ ไม่เหมือนหุ้นFPT ที่ไปจับมือกับNvidiaในการสร้างcloudในการเก็บข้อมูล ได้ประโยชน์ชัดเจน มีแต่ผมที่ทำได้ รับทำและเลียนแบบ ตอนที่เกาหลีรีโครงสร้าง เรียกคนที่เก่งๆกลับมาสร้างเทคโนโลยีสำคัญให้กับประเทศเช่น ซัมซุง แสดงให้เห็นถึงความเก่งของคนเกาหลีซึ่งคล้ายๆกับคนเวียดนามตอนนี้. (พี่มี่) มูลค่าบริษัทเยอะมากแล้ว แต่ถ้าเจาะลึกลงไปจะตกใจกับสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมี ผู้บริหารเก่งมากเกินมนุษย์ 40%ของยอดขายชิปก็มาจากหุ้น7นางฟ้า คิดว่าราคาหุ้นตัวนี้ไม่แพงไม่ถูกแต่คาดการณ์ยาก (ลงทุนแมน) รู้จักหุ้นตัวนี้อยู่แล้ว Aiเป็นสิ่งสุดท้ายของมนุษย์ ในอนาคตอาจจะไม่มีมนุษย์อยู่แล้ว NvidiaขายแบบB2Bเป็นเลือกแรกๆ Nvidiaจะเป็นกระดูสันหลังของแต่ละธุรกิจ ถ้าอยากแข่งด้านAIต้องเลือกnvidia ลงทุนมา10ปียังไม่เคยเจอกำไรของปีนี้เยอะกว่ารายได้ปีที่แล้ว จะเกิดขึ้นได้ในบริษัทเล็กๆ แต่ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะเป็นแนวโน้มที่ดีอนาคต


Q&A

  1. เราต้องดูครอสก่อนว่าเขาจะสอนอะไรเราบ้าง การเรียนMBAจะทำให้เราทำธุรกิจเก่งขึ้น แต่ละวิชาขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในธุรกิจอะไร ในปีที่สองเขาจะให้เอาความรู้มารวมกันแล้วฝึกวิเคราะห์

2.ความขัดแย้งมันย้อนกลับมาไม้ได้แล้ว การขัดแย้งจีนกับอเมริกา ก็จะยังเห็นในหัวข้อข่าวอยู่ เรื่องราวนี้จะเห็นไปอีกยาวนาน เรื่องราวเหล่านี้อาจจะกระทบไปในตลาดหมดแล้ว โลกกำลังแบ่งเทคโนโลยีเป็นสองสาย จีนกับอเมริกา ซึ่งประเทศไทยอาจจะได้ประโยชน์ จากประเทศจีนที่ใกล้และเป็นเพื่อนสนิท รวมถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนออกมา ไม่มีใครยอมใครแน่ๆ งบR&D จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

3.เรื่องราวเหล่านี้คุณกวีก็เคยได้ถามคุณพ่อไปตอนเด็ก แล้วปัจจุบันก็ยังมีคำถามนี้อยู่ มีอันใหม่ก็จะมีอันใหม่อีก เช่นบริษัทSappeทำเครื่องดื่มที่สามารถเคี้ยวได้ ยังมีบริษัทเหล้านี้ตลอดเวลา ถ้าประเทศยังเป็นทุนนิยมยังมีความน่าสนใจในประเทศนั้นๆอยู่ ทุกตลาดมีโอกาสอยู่ ถ้ามองว่าอีก10-20ปีข้างหน้าต้องมองว่ามีบริษัทต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยอยู่หรือไม่ ไทยยังเป็นศูนย์Green energyของประเทศจีนที่มาตั้งในไทยแสดงว่าเขายังมองว่าได้โดดเด่น และมีอนาคตอยู่. SET INDEX ไม่ไปไหน ถ้าตัดหุ้น7นางฟ้าออกจากอเมริกาก็แทบไม่ไปไหน เรายังต้องเจาะจง แต่ละคนต้องมีหุ้นที่เราเข้าใจหาให้เจอว่ามีPassionกับประเทศที่จะเข้าไปลงทุนแค่ไหน

4.ผมลงทุนระยะยาว ถ้าเห็นโอกาสเป็นจริงสูง ก็ซื้อไปเรื่อยๆ ซื้อเก็บ สมัยประเทศไทยเติบโตผมก็ลงทุนไปเรื่อยๆของมัน แต่เลือกถูกตัว คิดว่าดี คิดว่าเก่ง ที่ผิดก็มี การวางPositioningสำคัญ แต่ตอนนี้ไทยเริ่มหมดหวังแล้ว แต่ไปเห็นที่เวียดนามที่คล้ายไทย แต่คนเก่งกว่าคนไทย มีคุณภาพ ถนนทุกสายวิ่งเข้าสู่เวียดนาม. ตอนที่ซื้อลงทุนที่เวียดนามก็ใช้หลักการคล้ายๆในไทย ที่สามารถโตไปหลายที่ในประเทศได้ เช่นธุรกิจสนามบินเก็บค่าธรรมเนียมแบบไทย โดยการลงทุนในเวียดนามจะเลือกเฉพาะsuper stock 6-7ตัว และถือไปสิบกว่าปี ที่อาจจะโตMarket cap.เหมือนหรือเท่าไทย ในหุ้นจีน33%เป็นกลางกลางมีการเทรดบ้างตัวไหนขึ้นสูงก็ขาย ได้10%ต่อปีก็ดีใจแล้ว ส่วนประเทศไทย33%เป็นกองหลัง เก็บปันผลอยู่ใกล้เรา ส่วนที่เวียดนามก็เป็นกองหน้า

5.เริ่มเมื่อ10ปีกว่าปีที่แล้ว เพราะหาหุ้นในไทยดีๆไม่เจอ ตอนอยู่ในรถไฟฟ้าคนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์กันหมดเลย เลยไปดูผลกำไรย้อนหลังของหุ้นต่างประเทศเกี่ยวกับสมาร์โฟน และเห็นว่าพฤติกรรมนี้ในอนาคตน่าจะดี และยังเจอหุ้นบัตรเครดิตVisa ,Master card ที่มีงบการเงินที่ดี และอยู่ไปได้เรื่อยๆ. อีก10ปีข้างหน้า ก็มองเห็นAI เงินจะไปหาบริษัทรุ่นใหม่ๆ เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าจะหารายได้อย่างไรในอนาคต ข้อมูลคือน้ำมัน ซึ่งจะเกิดรายได้ใหม่ๆในอนาคต


หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับนักลงทุนไม่มากก็น้อยครับ

ติดต่องาน
line ID : 0956980374

ลงทุนดิ

JPARK

CV jpark
26-9-24

ให้บริการการจอดรถ ประสบการณ์ 20 ปี+ มีมากกว่า 64 location 30,000 ช่องจอด
การให้บริการแบ่งเป็น 4 Business Unit
1.Parking Service “PS” สัดส่วนรายได้ 60-65%

  • รับรายได้เป็นส่วนแบ่งรายได้กับเจ้าของพื้นที่แล้วแต่ตกลง ( ไม่ได้เปิดเผย ) >> Revenue sharing มั่นคงมากกว่า
  • Model สร้างอาคารจอดรถแล้ว Lease เป็นสัญญาระยะยาว เช่น 30 ปี ( โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า )
    2.Parking Management Service “PMS” สัดส่วนรายได้ 15-20%
  • ลูกค้าเป็นผู้ลงทุนอาคาร เครื่องมืออุปกรณ์ ( หรือเราเป็นผู้ supply ให้ผ่าน CIPS ) แล้วเราเป็นผู้รับบริหารที่จอดรถ – เก็บเงิน
  • รับรายได้เป็นค่าจ้าง -> เป็น Fix ไม่ขึ้นกับปริมาณการจอดรถ
  • ถ้าเราบริหารต้นทุนได้ถูก ก็จะมีกำไรมาก
    3.Consultant and Installation Parking System “CIPS” สัดส่วนรายได้ 15-20%
    4.อื่นๆ ( หลักๆคือบริหารให้เช่าพื้นที่บริเวณที่จอดรถ ) สัดส่วนรายได้ 5%

PS Customer Segment : Hospital 24.9% / Local Market 22.4% / CBD Shopping center 17.6% / University 16.1% / Airport 5.1% / others 13.9%
PMS Customer Segment : Park&Ride 74.1% / Convention Center 17.0% / Office Building 7.2% / Hospital 1.6%
*Park&Ride = อาคารจอดแล้วจรของรฟม

Financial Highlight
Revenue
Y2022 – Y2023 // 1Q/23 – 1Q/24
PS : 278.6 – 354.7 27% YoY // 83.91 – 93.38
PMS : 79.9 – 82.0 3% YoY // 21.01 – 20.94
CIPS : 69.9 – 121.3 74% YoY // 2.94 – 34.73
Other 23.9 – 15.1 -37% YoY // 3.70 – 3.11
Total 452.3 – 573.1 27% YoY // 111.56 – 152.16

2Q23 – 2Q24
Revenue 142.02 – 145.53
Gross Profit 33.34 – 43.77
GPM 23.48% – 30.08%
Net Profit 17.28 – 25.93
NPM 12.17% – 17.82%
Revenue ธุรกิจบริการที่จอดรถ (PS) 81.37 – 89.25 +9.7%
Revenue รับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถ (PMS) 20.38 – 21.40 +5.4%
Revenue ให้คำปรึกษา ติดตั้งระบบบริหารจัดการที่จอดรถ (CIPS) 36.32 – 31.99 -11.9%

Outlook Y2024
ผบหตั้งเป้า Praking slots Y2024 40,000 / Y2025 50,000 ( รวมทั้ง PS PMS )

  • Project ที่ชนะแล้ว : สนามบินขอนแก่น 600 slots 10 yrs = PS / One Bangkok 2,000 Slots = PMS
  • งานใน Pipeline ตลาดบางกอกน้อย 230 slots May2024 / รพพระนั่งเกล้า 532 slots July2024
  • แปลว่า Y2024 มีในมือแล้ว PS = 1,632 Slots PMS 2,000 Slots รวม 3,632 Slots = 36.3%
  • เน้นหาลูกค้า PS กลุ่มโรงพยาบาลรัฐ **

ในปี 2022-2026 รฟมมีแผนขยายพื้นที่โครงการจอดแล้วจร โดยแบ่งเป็น

  • อาคารจอดรถ MRT สายสีส้ม 1,200 slots > จบแล้ว
  • อาคารจอดรถ MRT สายสีเหลือง 3,000 slots > จบแล้ว
  • อาคารจอดรถ MRT สายม่วง 572+1,370 slots > อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • TAM ในระยะยาว จากการสำรวจ ในกทม 3-4แสนช่องจอด / นอกกทม 5-6แสน / รวมประมาณ 1 ล้าน+
  • ตามนโยบายของรัฐ จะมี ช่องจอด Park&Ride เพิ่ม 3แสนช่องภายในปี 2572 (PMS)

Q&A
Q Capex ลงไปเท่าไหร่แล้ว
( construction and progress )
A ปีนี้ 180 ล้าน – ใน ppe 150 รวม intangible ด้วย
ปีนี้ทั้งปี project 250 ล้าน ที่ยังขาดคืออีก 20 ล้าน

Q Project พระนั่งเกล้าจะเริ่ม operate เมื่อไร
A ตุลาคมปีนี้ > target แรกคือบอกจะเปิด 1 July > อันนี้คือเราเร่งผู้รับเหมา แต่จริงๆตกลงกันไว้ที่ตุลาคม
ค่าเสื่อมเริ่มนับ 1 sep 250ล้าน/30 ปี > Q ละ 2.08 ล้าน

Q ต้องใช้การตลาดเพื่อ draw คนเข้ามามั้ย
A เริ่มทำแล้ว คิดว่าให้ค่อยๆ ramp up ขึ้นไป

Commercial เริ่ม 1 ตุลา
กำลังทยอยเข้ามาตบแต่งร้านค้า
ที่ยังเหลือเปิดไม่ทันคือ Ktb กับอีกเจ้า
เริ่ม charge ค่าเช่าแล้ว
คิดตามบัญชี / รายได้ค่าเช่า เข้าตั้งแต่กันยายน
ปล่อยเช่าแบบเหมา > ได้รายได้ เพราะเป็น leasing
ให้สัมปทานบริษัท BKP ต่อ
ให้ไปดูที่ operating cash flow
จ่ายเดือนต่อเดือน ล่วงหน้า 1 เดือน
มีเงินประกันสัญญา 1+ ปี เป็นเงินรับล่วงหน้า
BKP เก่ง ดูแล project DMK และมีประสบการณ์หลายโครงการแล้ว
มีลูกค้าในมือหลักพันเจ้า

Project อื่นๆ เช่นสนามบิน / โครงการ One Bangkok
One bangkok > ได้มา 1 phase > จากทั้งหมด 8,000 -10,000 ช่องจอด เราได้มา 2,000 ช่องจอด
เค้ายังเปิดไม่เต็ม เลย ค่อยๆทยอยเปิด
คิดว่าเราน่าจะได้ทั้งหมด โดยเริ่มทำตั้งแต่กุมภา
เราเป็น PmS > ไม่ได้สนใจว่าปริมาณจอดจะมากหรือน้อย
คาดว่าจะเปิดตุลา > เฉพาะส่วน commercial

Q Project ต่างจังหวัดเป็นอย่างไรบ้าง
A สนามบิน ขอนแก่น ได้แล้ว
อัตรากำไร แต่ละที่ เทียบต่อช่องจอด พอๆกัน

Q Model ที่สร้างตึกจอดรถ เราน่าจะเป็นผู้นำ เพราะ
A ต้องใช้ทุนสูง
มี skill ในการบริหาร
การ logistic

บริษัท ญี่ปุ่น NPD โดยปกติจะไม่มาประมูลแข่งด้วยในงานราชการ
รูปแบบเดิมเราก็ยังไปต่อ ไม่ได้ทิ้ง
เรามุ่ง PS ก่อน ถ้าไม่ได้คือ PMS หรือ CIPS

PMS ผู้เล่นในตลาดน้อยกกว่า
ต้องใช้ คน ทักษะ ประสบการณ์
เรื่องคน บริหารจัดการ ระบบค่อนข้างปวดหัว
Pms เป็นพนักงานของเรา รับเงินเดือน
ไม่มี incentive

Q ค่าแรงคนจะขึ้นทุกปี ทำให้ marginตกลงเรื่อยๆมั้ย
A เราคิด cost เป็นเฉลี่ยอยู่แล้ว ( คิดจาก total contract)
แต่ปกติจะขึ้นราคาตามที่ทำสัญญาไว้อยู่แล้ว
PS margin แปรผันตามผู้เข้าจอด

Q ตอนนี้มาถึงจุดที่ operating cash flow ไม่พอหรือยัง
A อย่างพระนั่งเกล้า ใช้ ocf ทำ
กาญจนาตอนแรกพิจารณากู้ 500 ล้าน > แต่ตอนนี้จะใช้เงิน ipo

ถ้าจบเหลือโครงการนี้ จะเหลือเงินจาก IPO อีก 100 ล้าน

Q การกู้ Bank ได้อย่างไรบ้าง
A ให้ไม่เกิน 3 ต่อ 1 ( ทุน 1 ส่วนกู้ได้ 3 ส่วน )
Cost of fund 6%
อาจจะ ทำกอง REIT
กำลังพิจารณาขอ rating ออกหุ้นกู้

Q รพ.พระนั่งเกล้า ช่องจอด500 slot จำ break even เมื่อไหร่
A คนจอด 2-300 ช่อง
จุดคุ้มทุนคิดที่ 6 ชั่วโมง
มีแบบรายเดือนด้วยบางส่วน

Q แผนในอนาคตเป็นอย่างไร
A อยากสร้างอย่างต่ำ 500 ช่องต่อตึก
สนใจ 1,000+ ช่องขึ้นไป
คิดว่า 4 ปี น่าจะ สร้างได้ 4 ตึก

Q จุดที่จะเลือกทำงานคืออะไร
A พยายามเลือก ทำเล A คือ 1,000+ ช่องจอด + เก็บค่าบริการรายชั่วโมง
เน้นโรงพยาบาลรัฐ

Q PS PMS ที่ช่องจอดเท่ากันแบบไหน Bottom line ดีกว่า
A PS มีหลาย level > manage ได้หลายรูปแบบ
Pms คือแบบ fix >
Pms margin 20%
Ps varies
Win rate > ส่วนใหญ่ไปประมูลก็ได้

สวนรถไฟ จอด 4 ชั่วโมง 20 บาท เป็นแบบ PS

สนามบิน
จากฟรีเป็น เก็บเงิน > ลูกค้าเข้าใจได้

Q Model สนามบินทำไมช้า
A ติดหลายอย่าง รัฐบาลก็ด้วย

Q รพรัฐใหญ่ๆที่เป็นเป้าหมายของเรามีอีกมากมั้ย
A ที่ได้แล้ว ศิริราช กาญจนา จุฬา
รามาไม่มีที่ > คุยมา 5-6ปีแล้ว
คิดระบบ valley parking หาพื้นที่ 500-1km ห่างจากโรงพยาบาล / พยายามคิดหลายๆ solution ไปนำเสนอ
ส่วนใหญ่เป็นการบอกต่อเป็น connection เช่นโรงพยาบาล A ใช้แล้วดีก็จะแนะนำโรงพยาบาลอื่นๆต่อไป
โรงพยาบาลรอบนอก อย่างราชพิพัฒน์ ทำได้ เป็นหนึ่งในเป้าหมาย
โรงพยาบาลต่างจังหวัดก็สามารถไปได้
ดอนเมืองมี valley แต่เราคิดว่าไม่คุ้ม 1ชม ได้ 2-3 คน
รพ จุฬาก็มี valley เอาไว้บริการลูกค้ามากกว่า

Q project ที่ศิริราช
A กำลังอยู่ในระกว่างพูดคุยอยู่
มีพทบางกอกน้อย 3.5 ไร่ ตอนนี้ 320 ช่อง แต่ศิริราชค้าอยากให้สร้างอาคาร

Q มอง TAM รพรัฐใหญ่ขนาดไหน
A มีมากกว่า 20 แห่งที่เอยู่ใน Focus เรา

สนามบินแต่ละแห่ง ก็ คุยยากง่ายไม่เท่ากัน

Q พื้นที่เช่าอื่ๆน ที่ตลาด อตก
A ตลาด ตกลงมาก > อันไหน ไม่ดีแล้วก็คืนสัญญาไป

Q อสังหาจะมาทำแข่งกับมั้ย
A Central the mall คบไม่มาทำ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า

Q เป้า 2,000 ล้านภายในกี่ปี
A คิดว่า อีก 3 ปี
Ps เล็กๆ 20-30 ช่อง
มี project ชื่อ พร้อม park

Q ระบบหลังบ้าน
A ดำเนินไปตามแผน แผนออก Q1/25

Q PS มีเอาเทคโนโลยีมาเพิ่มมั้ย
ค่อยเป็นค่อยไป / invest มากก็เพิ่มค่าใช้จ่าย
เช่นกดหาที่จอดได้
ระบบ free flow

Q ทำไมอยากขาย biglot
A มองในเชิง value
ขายไป 10% 40 ล้านหุ้น

Q อย่างโปรเจคงานกาญจนาพิเศษ > ใช้เวลา ตั้งแต่เริ่ม 3 ปี
ใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน

Q รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายกระทบมั้ย
A น่าจะเป็นบวกกับเรามากกว่า
จอดแล้วจร คนใช้น้อย
ไม่กระทบเรา เป็น Pms
รถไฟฟ้าสายสีส้ม เราได้ 1 ตุลา

Q Cips มี big project เข้ามามั้ย
A ปีนี้น่าจะยังไม่มี

พระนั่งเกล้า คิดว่า 6 เดือนน่าจะทำกำไรได้
แต่ทางบัญชี คิดว่า 1-2 เดือนก็น่าจะได้เลย
มีบริจาคพื้นที่ให้พระนั่งเกล้า 500 ตรม ทำ checkup center
พท ทั้งหมด 18,000 ตรม commercial 2,000
สัญญาสัมปทาน commercial 30 ปี

NCP

ideaลงทุน #NCP ผมว่าเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมกับ นโยบาย 10000 บาท ด้วยเพราะเป็นธุรกิจที่ขายสินค้า Direct to Customer

[+] business model ในการทำ Tele Sale ของเค้ามีบางส่วนขยายกิจการโดยการดึง นักโทษหญิง ในเรือนจำมาเป็นพนักงานขาย ซึ่งอัตราค่าจ้างจะต่ำมากและมีความสม่ำเสมอสูง ซึ่งดูแล้วอาจจะมีไม่กี่เจ้าที่ทำแบบนี้ได้ น่าจะต้องมีเรื่องสายสัมพันธ์ที่ดีกับทางเรือนจำ และหลังจาก นักโทษหญิง มีทักษะทางด้าน Tele Sale แล้วเมื่อพ้นโทษไปก็สามารถไปทำงานกับทาง NCP ต่อได้เลย

*** ใน MD&A แจ้งข้อมูลว่า ขยายสำนักงานในเรือนจำเป็น 3 แห่งแล้ว ซึ่งแห่งใหม่ล่าสุดคือ เรือนจำ ชลบุรี โดยมีพนักงานเรือนจำ 50 ราย โดยเมื่อปี 2566/Q2 ยังมีเพียง เรือนจำเดียวคือ เรือนจำสมุทรปราการ 🤔

[+] การขยาย Capacity ทำได้ง่าย เพราะเรือนจำ มีทั่วประเทศ และ นักโทษหญิง ก็มีหลายแสนคน จากเดิมที่ทดลองทำ 1 เรือนจำ ปัจจุบันขยายเป็น 3 แห่งแล้ว ซึ่งการขายแบบ Direct Sale เรื่อง เศรษฐกิจ และเงินในกระเป๋าของ ลูกค้ามีผลทางตรง จะสังเกตุได้ว่า ช่วงก่อนปี 2023 กำไรของ NCP อยู่ในระดับ 20 ล้านมาโดยตลอด ก่อนจะฉะลอตัวลงในปี 2023 และ 2024 กำลังมีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นถ้า

[+] สินค้าที่บริษัทขาย มีทั้ง House Brand ซึ่งจะได้ GPM ที่สูง และรับจ้างขาย ให้ Third Party พวกยาบำรุง ยารักษา อาหารเสริม จากทั้งลูกค้าที่ จัดจำหน่ายผ่าน Shopee Tiktok Lazada ถ้าต้องการ Upselling ก็สามารถมาใช้ NCP เพื่อให้บริการ Telesale ได้

[-] ความเสี่ยงคือ ธุรกิจเป็น Light Asset คือ เพิ่มคน= เพิ่มโอกาสในการทำยอดขาย แม้กระทั่งไม่ต้องลงทุนสร้างอาคาร ก็สามารถ เข้าไปใช้พื้นที่ในเรือนจำ ประกอบกิจการได้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากขยาย Capacity Manpower แล้วแต่ไม่สามารถ ปิดการขายได้ หรือยอดขายไม่มา ค่าใช้จ่ายด้านการจ้างจะเกิดขึ้น และจะไปถ่วงในส่วนของ SG&A

🔷 Valuation :

จำนวนหุ้นทั้งหมด 180 ล้านหุ้น
Forward กำไรในอนาคตหากปี 2025 กลับไประดับเดิม : 20 ล้าน
Forward EPS : 20/180 = 0.11 เท่า
ราคา ณ 26/09/2024 : 1.3 บาท
PE : 1.3/0.11 = 11.8 เท่า /////

หรือ ถ้า Trailing Pe จะเท่ากับ
Trailing EPS : 13.58/180 = 0.754
ราคา ณ 26/09/2024 : 1.3 บาท
PE : 1.3/0.754 = 17.2 เท่า /////

🔷 Market Cap : 234 ล้านบาท ณ ราคา 1.3 บาท

🔷 จำลองสถานการณ์ เมื่อ Tele Saler โทรไป :

“สวัสดีคะ ผุ้เชี่ยวชาญ เดียร์ จาก บ. Xxx โทรมาติดตามอาการของยา xxx ที่คุณลูกค้าซื้อไป ….” จะเกรินราวๆ นี้ครับ

ยา ผมร่วง ยาตาฟาง ยาริดสีดวง ผลิตภัณฑ์พวกนี้ลูกค้ามีปัญหาถึง มาซื้อไปทาน

====================================================

ปล. ธุรกิจ Tele Sale ไม่ใช่ Call center มิจ เผื่อบางคนอาจจะไม่เข้าใจนะครับ Tele Sale คือการขาย ตามจาก Data คือสมมุติ “ลุงข้างบ้าน” เป็นริดสีดวง สั่ง ยา ริดสีดวง ใน shopee/ Tiktok (ตามแต่สื่อที่ลุงท่านนั้นจะเสพ) มาทาน Tele sale จะได้รับ Data Base จากการ First Purchasing จะเอา dataโทรไป แล้วบอกว่าโทรมาจากผู้เชี่ยวชาญ…. มาติดตามอาการ แล้ว พยายามขาย ชุดเสริมเพิ่ม
มันไม่ใช่การสุ่มโทรมั่วๆ แบบ call center ครับ เผื่อบางคนเข้าใจแบบนั้น เค้า โทร ตาม ฐาน ลูกค้า ที่ เคย มี Purchasing order ครับ

**ขายให้ คู่ค้า คือรับจ้างขาย 56 ล้าน ขาย ของตัวเอง 26 ล้าน ในปี 2567

🔷 Model ธุรกิจแปลกดี ไม่ซ้ำหรือมีคู่เทียบในตลาดหุ้น ผมก็เลยชอบครับ ที่ผมสนใจจริงๆ คือ Connection เค้ากับ เรือนจำ ที่ขยายจาก 1 เรือนจำเป็น 3 เรือนจำ ผมว่าอันนี้ คนอื่นคงไม่เลียนแบบเค้าง่ายๆ

🔷 อารมณ์คล้ายๆแบบ J park ทำที่จอดรถ อยุ่บริษัทเดียวในตลาดหุ้นไม่มีคู่เทียบ Valuation ชัดเจน และ เห็น NCP มันทำ Tele sale ในคุก อยุ่ เจ้าเดียว ผมอาจจะเข้าใจ เรื่องธุรกิจเค้าผิดก็ได้ครับแต่ชอบอีกอย่างที่ ไม่มีหนี้เลย กับ ธุรกิจ Light Asset Topline โต จาก เพิ่ม การจ้างคน แล้วจ้างคนคุก ก็จ่ายต่ำ 🙂

เก้าอี้เศรษฐกิจ

TPS

CV TPS 24/9/24

Company Milestone
2004 ก่อตั้งบริษัท
2010 ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย CISCO Thailand ระดับ Gold Partner
2019 เข้าตลาดหลักทรัพย์
2020 จัดตั้งบริษัท The Win Telecom
2021 จัดตั้งบริษัท X-Secure
2023 จัดตั้งบริษัท Applied Techne

Overview
ให้บริการด้าน it it solution / infrastructure
Aim ตัวเองเป็น tech company
เป็นการ transform ต่อยอดจากของเดิม
ให้บริการที่มากกว่า infrastructure

บริษัทลูก
The Win Telecom
X-Secure
Great Serve
Applied Techne

เอานวัตกรรมไปขับเคลื่อนความต้องการของลูกค้า
Solution > ไปช่วยแก้ปัญหาหรือต่อยอด
บริการ > ติดตั้ง after sales ดูแลเวลาระบบมีปัญหา preventive maintenance

เป้าหมาย > รายได้ การเติบโตอย่างยั่งยืน
บริการ server data center / cyber security
ยืดหยุ่น เข้าใจความต้องการของลูกค้า รู้ว่าลูกค้ามี KPI อะไร
1 stop service
บริการหลังการขาย > ร่วมแก้ปัญหาให้ลูกค้า
ความรวดเร็วในการตอบสนอง
ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ
ช่วยแก้ปัญหา แนะนำ ทางแก้ต่างๆ

TPS
Technical
Product premium
Service Mind

สมมติลูกค้าอยากขึ้นระบบ WiFi 6E
– ถามลูกค้าว่าเอาไปใช้กับงานอะไร เช่น internet / digital twin
– เลือก product ให้ตอบโจทย์
– Design และไปติดตั้ง
– ทดสอบ ส่งมอบให้ลูกค้า
– Maintenance > preventive + corrective
– มีทีมงานเข้าไปตามกำหนดเวลา / เข้าไปแก้ปัญหา
– Maintenance income เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบัน > 300 ล้านต่อปี ( recurring)

งาน operation
เน้น security & network คอย monitor ให้กับลูกค้า

TPS solution (ขายอะไร)
1.cybersecurity : firewall siem soar
2.network infrastructure > wire WiFi iot
3.unified communications > ms team / webx / zoom
4. Data center > ออกแแบบระบบให้กับลูกค้า / ระบบสำรอง
5. Cloud & edge infrastructure : เช่น AWS
6. Applications & business intelligence > ออกแบบระบบ เช่น ระบบลงทะเยนคนไข้
7. Digital transformation > มี partner เข้าไปคุย
8. AI&Blockchain technology (2-3 ปี) สัดส่วนรายได้ยังไม่เยอะ ได้ไป 2-3 งาน > รพ รามา / รับรู้รายได้ไปแล้ว 70% มูลค่าโครงการ 180 ล้าน Gp 1x% / เป็น project นำร่อง
เราแข็งอันไหน
1-4
ลูกค้าโดน cyber attacks เยอะ
เราเข้าไปช่วยแก้ ช่วยกู้

Financial Highlight
1H23 – 1H24
Revenue 486.37 – 708.46 +45%
Gross Profit 132.42 – 169.41 +28%
Net Profit 35.84 – 49.60 +38%
สัดส่วนรายได้
การจำหน่ายและวางระบบสารสนเทศ 278.39 (58%) – 283.87(40%) +1.96%
บริการดูแลรักษาระบบ ( Recurring ) 144.71 (30%) – 147.86 (21%) +2.18%
วิศวกรรมโยธาด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน > งานเอาสายเคเบิ้ลลงดิน 52.02 (11%) – 253.85 (36%) +488%
เป้าหมาย recurring 50%

1Q24 – 2Q24
Revenue 337.87 – 370.59 +9.68%
Gross Profit 73.66 – 95.75 +30%
GPM 25.08%
Net Profit 16.72 – 32.88 +96.65%
NPM 8.57%
รายได้ตามกลุ่มลูกค้า เอกชน 59% รัฐ 41%
เดิมเราเน้นงานเอกชน > แต่ตอนนี้ เน้นไปทางภาครัฐ
ไม่ได้มี software developer ของตัวเอง
RoE ลดเพราะ มีการแปลง w เพิ่มเข้ามา

Q&A
Q เน้นลูกค้าภาครัฐ 60-70% จะมีปัญหามั้ย
A Project ส่วนใหญ่จะ work กันมาตั้งแต่แรก
เอา solution ที่ลูกค้าต้องการเอาเข้าไปคุยกับเค้า

Q เรากำหนด ยี่ห้อ product ให้ลูกค้า หรือเค้าเลือก
A อธิบายให้เข้าใจภาพ แล้วให้ลูกค้าเลือก

เราไปซื้อของกับ secure ซึ่งเป็น distributor > เค้ามีมา deal กับเรา
เราเน้นเรื่อง fast service

Q ลูกค้าทำสัญญานานแค่ไหน
A มีตั้งแต่ 1-5 ปี ส่วนใหญ่เป็น 1 กับ 3 ปี แล้วแต่ตามช่วงอายุของผลิตภัณท์

Q Project เกิน 200 ล้านมีกี่ราย
A ยังไม่มี เลย
แต่เป้าหมายจะเน้นงานขนาดใหญ่มากขึ้น
เวลา bid ส่วนใหญ่จะเป็น prime คือไม่ได้ไป bid คู่กับคนอื่น

Q ทำไมไม่ออก oppday
A จองคิวไว้แต่ผบห ไปตปทเลยจำเป็นต้องยกเลิกไป

Q เรากับ NAT เป็น SI ที่เน้น Cisco เหมือนกัน เป็นคู่แข่งกันมั้ย
A อยู่คนละน่านน้ำกัน
เราเป็น partner กับ Palo Alto ด้วย

Q เวลาไปแข่งถ้ามีเจ้าจีนด้วยจะแข่งได้มั้ย
A ถ้าเป็นคนใช้งานจะชอบ Cisco มากกว่า แต่ในมุมงบประมาณ อาจจะแพงกว่า เราพยายามเสนอเป็น solution

Q งาน cybersecurity มีทำ on cloud มั้ย
A มีด้วย ล่าสุดก็เพิ่งปิดโครงการไป ส่วนใหญ่เป็นเอกชน
ภาพรวมงาน on cloud ยังน้อย ส่วนใหญ่เค้าจะไปดีลตรงกับ AWS

Q สัดส่วนงาน cloud
A ยังน้อย ของเราจะเป็น security on cloud
ที่ลูกค้าใช้ 1.AWS 2.azure
เราไม่ได้ขาย computers แต่ขายระบบต่างๆที่อยู่เบื้องหลัง computer

Q ลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาในหมายเหตุประกอบงบ 60 ล้าน
A เพิ่มทั้งของบริษัทใหญ่และย่อย
งานบางส่วนเป็น back to back คือเราส่งมอบงานไปแล้ว ลูกค้าต้องไปส่งงานต่อ ก่อน พอเค้าเก็บเงินจึงค่อยมาจ่ายเรา

Q จะมีออก w2 มั้ย
A ยังไม่มีนโยบาย

Backlog ปีนี้ 1,955 ล้าน > น่าจะรับรู้ปีนี้ 50%
โครงการเข้าร่วมประมูล ประมาณ 5,000 > ปกติ success rate 30%

Q the wind รายได้เพิ่มขึ้นมา 200 ล้าน เป็น project ยาว 3 ปี รับรู้รายได้ยังไง
A รับเรื่อยๆ อย่างน้อย 2 ปี
มีแผนอาจจะได้ project ใหม่เพิ่มเติม
งานหลัก คือ ทำเรื่อง สายไฟฟ้า สายสื่อสาร เน้นเอาสายลงใต้ดิน ( ถนนเฉลิมพระเกียรติ) และงานดันท่อ > 250 เมตร
เป็นงานการไฟฟ้านครหลวง NT PEA
กทมยังไม่ได้มา involve

Q งานในกรุงเทพ เป็นที่ไหนบ้าง
A  มีมาให้ประมูลเรื่อยๆ จากหลายที่

Q si เจ้าอื่น gp 14%  ของเราเกิน 26% เพราะอะไร
A งานเรามีภาคเอกชนเยอะ ดึง gp ขึ้น
เน้นการให้บริการลูกค้า และ 70% เป็นลูกค้าเก่า ซึ่งต้องการความ stable / คงามเชื่อมั่นของลูกค้า
เรา focus และเน้นงานให้ลูกค้า

Q การหาลูกค้าใหม่ จะไปแข่งกับเจ้าเดิมยังไง
A เราเจอลูกค้าทุกแบบ ต้องค่อยๆเข้าไปคุย นำเสนอ
รายได้เราโตจาก 500 ตอนนี้ 1300 ล้าน

Q เอกชน สัดส่วนธุรกิจกลุ่มไหนที่ดูดีขึ้น
A Health / electronic ดี
Automotive แย่ลง

Q บาทแข็งได้ประโยชน์มั้ย
A มีบ้างเช่นที่เรา quote ราคาตอนบาทอ่อนไว้ ทำให้เราได้ประโยชน์บ้าง

Q ขนาดของโครงการที่ประมูลเป็นเท่าไหร่
A ปกติโครงการเอกชน size 5-10 ล้าน
ถ้าภาครัฐมีตั้งแต่หลัก 10-1,000 ล้าน

Q สัดส่วน banking
A ยังไม่มี
มีนำเสนอ product ในส่วนของ virtual bank อยู่

จะมีการเพิ่มทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นการ M&A เข้ามา หรือ พัฒนาบุคลากรเพิ่ม

Q คนที่มีรับงานได้อีกมากแค่ไหน
A ขึ้นกับรายละเอียดโครงการ ราคาด้วยว่า premium แค่ไหน

Q จำนวนพนักงาน
A Presale 6 คน
Sale 15 คน 1 คน เป้าไม่เท่ากัน
Engineer 60 คน
พนักงาน 130 คน

Q มีเป้าหมายระยะยาวยังไง
A เป้าโต 20% CAGR มองว่าทำได้
The wind ดีขึ้นแล้ว
X secure กำลังไปได้ดี
เราค่อนข้างครบเครื่อง
เราต้องการเน้น know how ด้าน engineering
บุคลากรเราต้องดีที่สุดในตลาด
เราต้องทำให้ลูกค้า รู้สึกได้ว่าบริการเราดีกว่าคนอื่น
เรา aim รายได้จาก M&A ในระยะยาวเป็น 50% ของรายได้รวม

Q มีเรื่องเก็บเงินภาครัฐช้ามั้ย
A ไม่มี โดนเร่งด้วยซ้ำ

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น