TEAM

ช่วงที่ผ่านมาคงไม่แปลกใจว่าทำไมหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ถึงperform ดี ลองเลือกดูนะครับส่วนผมชอบ TEAM. , CCET
ออร์เดอร์ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลับมาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2022  ลองศึกษาเพิ่มเติมดูกันนะครับว่าชอบตัวไหน
https://epsnews.com/2024/04/11/supply-chain-data-points-to-growing-demand/

MC

#MC ยอดขาย Tiktok เดือน 6 ออกมาล่าสุด ทิศทางกลับตัวค่อนข้างดีนะครับ มาแรงมากตาม Data ยอดแซงช่วงไฮซีซั่นเดือน 11 12 ไปเยอะเลย

📊Valuation แถวนี้ ปันผล 8-9% น่าจะเป็น Zone น่าสะสมครับ จังหวะนี้คงรอความเป็นรูปธรรมของ เงิน ดิจิตอล หรือการอัดฉีดสภาพคล่องอื่นๆของภาครัฐ

#WARRIX #SABINA ก็มีทิศทางที่ดีต่อเนื่องในทิศทางที่ดีมากๆ

📊DataBase มาจาก #พี่ท่านนึง บันทึกมือ ต้องจดว่าเดือนนี้ขายได้เท่าไร แล้วเดือนหน้าขายได้เท่าไร แล้วเอามาลบกัน ใน Tiktok มันจะแสดงยอดขายสะสม

===============

ปล. ข้อมูล อาจจะคุ้นตา ขออนุญาตโพสข้อมูลแทน พี่ท่านที่เคารพท่านนึง

BBGI

BBGI oppday End-2023

👉👉Overview
Bio Diesel กำลังผลิต 1 ล้านลิตร/วัน
-U rate 84% (เฉลี่ยอุตฯ47%)
-Sale volume 277ล้านลิตร +33%YoY
Ethanol กำลังผลิต 0.8 ล้านลิตร/วัน
-U rate 59% (เฉลี่ยอุตฯ58%)
-Sale volume 145ล้านลิตร +2%YoY
SAF กำลังผลิต 1 ล้านลิตร/วัน
-ลงทุนผลิตน้ำมันเครื่องบิน 1 หมื่นล้านบาท
-BBGI ถือ20% COD Q1-25
CDMO โรงงานผลิตชีวภาพมูลค่าสูง
-กำลังผลิต 2000 ตัน/ปี
-ลงทุน 444 ล้านบาท
BBGI ถือ 75% เสร็จQ1-25

.
🛻Outlook 2024🛻
-Demand ยอดเพิ่มอย่างมีนัยะ เพราะ บางจากซื้อ Esso เป็น BSRC
ดีมานเพิ่มมากกว่ากำลังผลิต ทั้งBio dieselและEthanol

อุตสาหกรรม Bio diesel
-ความต้องการเพิ่ม 16% เพราะมาใช้ B7 แทน B5 ทั้งปี
-ราคา CPO ลดลง เพราะ Supply ต่างประเทศกลับมาทำให้ราคาที่ขึ้นไปผิดปกติปรับตัวลงมา
รวมทั้งราคา Glycerin ลดลงเช่นกัน

อุตสาหกรรม Ethanol
-ดีมานลด 9% ยกเลิกเสริมE85
-ราคาขายเพิ่มตามต้นทุน / กากน้ำตาลปรับเล็กน้อย
-ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน

.
👉งบการเงิน
รายได้ 13757 ล้าน
69% B100
31% Ethanol
Q4-24 ยอดขายสูงสุด ทั้งวอลุ่มและราคาเพิ่ม

เงินIPO
-เหลือ1566ล้าน ขอผถห.ขยายลงทุนSAF

.
👉👉👉Business

1.SAF เป็นที่ต้องการตลาดโลกเพราะลด carbon footprint
-ร่วมกันระหว่าง BCP BBGI ธนโชตติ – โครงการทอดไม่ทิ้ง
-วัตถุดิบ รวบรวม จากโรงงาน ที่ผลิตอาหาร ครัวเรือน
+ palm fatty acid ก็เป็นวัตถุดิบการทำน้ำมันเครืองบินได้(ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้จากการผลิตBio dieselอยู่แล้ว)
-มีสัญญาญี่ปุ่น Cosmo oil 10ปี + ความต้องการในต่างประเทศมีมากกว่ากำลังผลิตอยู่แล้ว
-SAF โลกมีความต้องการ net zero ภายในปี 2050
โดยสายการบินตั้งเป้า ใช้SAF 65% ในปี2050 / ยุโรปตั้งเป้า 70% 2050
(เป้า 2025 2% / 2030 5% / 2035 20%)
เป็นคนแรกและคนเดียวในไทยที่ผลิตได้

2.CDMO Bio tech เน้นผลิตชีวภาพมูลค่าสูง
-ถังหมัก น้ำตาล+microจุลินทรีย์
-ในโลกนี้มีคนมีความรู้จำกัด joinกับFermboxที่อินเดีย ทำโรงงานแห่งแรกในอาเซียน
-เฟสแรกทำถังสองใบ 444ล้าน
-มองรันเต็มและขยายต่อ

.
👉Q&A
-ซื้อ Esso มีผลบวกกับความต้องการ Bio diesel และ ethanol เพราะมีความต้องการมากกว่ากำลังผลิต
โรงงาน Bio diesel รันเต็ม 100%
-EV มองสัดส่วนยังไม่มากในระยะสั้นและกลาง Bio fuel ช่วยลดคาร์บอนเทียบเท่า EV และลดการนำเข้า

BYD

“Atto 3 ซื้อได้ยัง มันจะลงไปอีกมะ”

ข่าวล่าสุดเห็นรถไฟฟ้า BYD Atto3 ราคาเริ่มต้น 799,900 บาท
ซึ่งลงมาแบบไม่มีพัก ก็มีคุณอาที่เคารพโทรมาถามเล่นๆ

ซึ่งไอ่ประเด็นเรื่องลดราคา EV เนี่ย ผมก็ตามมาโดยตลอด
เพราะทั้งสนใจ ทดลองซื้อใช้รถ EV และเราก็มีลงทุนในหุ้น BYD อยู่บ้าง
ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันว่า มันจะลดลงไปได้แค่ไหน

(ข้อมูลที่ผมใส่ในตารางสุดท้ายของตนเอง เป็นสิ่งที่ “อนุมาน” ขึ้นมาจากข้อมูลที่นำมายำรวมๆกัน ถูกผิดประการใด ใครรู้ลึกๆช่วยชี้แนะด้วยนะครับ)

_____________

หลักๆแล้วราคา EV ที่ปรับลดราคาได้โหดมากๆ ส่วนนึงมันน่าจะเกิดจากโครงสร้างต้นทุนของตัวรถที่ “ราคาค่าแบตมีนัยยะกับรถมากๆ”

ซึ่งต้นทุนของราคาแบตมาจากแร่ลิเทียม ซึ่งช่วง Peak คิดเป็น 25% ของราคาค่าแบตได้เลย และช่วงที่ EV บูมสุดขีด ช่วงนั้นทำให้เกิดภาวะขาดแคลน Li จนทำให้ราคา Li สูงเสียดฝ้า
ซึ่ง ณ เวลานี้ราคาคงมาจนถึงจุดสมดุล (พอๆกับอดีตแล้ว)
ราคาแร่ Li คร่าวๆก็ลดลงมา 80% จากพีค
ส่งผลให้ต้นทุนแบตลดลงไปมาก

ในตารางสุดท้าย ผมลองเอาราคา EV ในอดีต … อนุมาณค่าแบตต่อมูลค่ารถ … และราคาแร่ Li มาสร้างแบบจำลอง
พอทำเสร็จ ก็ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า Li ส่งผลมากๆ

Li–> Battery –> Car Price

ถ้าถามว่าจะลงอีกไหม ผมให้ภาพเพิ่มเติมอีกนิด คือ
GPM ของ Dealer ในไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 4%
NPM ของ Distributor ในไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 13%
NPM ของ BYD company ที่จีนอยู่ที่ 5%
และใส่ในของ BYD company มีงบ R&D อยู่ราวๆ 6%ของรายได้

ซึ่งถ้าให้สรุป

ราคาที่ปรับลงมาของ EV … Absorb แค่เรื่อง Li ที่ราคาลงมาก็แทบจะอธิบายได้แล้ว ซึ่งถ้าจะลงมากกว่านี้ ก็คงเกิดจากการปรับให้มาร์จิ้นของคนต่างๆใน Party ให้ดูสมดุลกว่านี้ (ผมว่ามีบางคนที่ได้กำไรสูงไปนิดนึง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยภาวะปกติของอุตสาหกรรมนี้ 555)

ก็นะ … รถ EV (ไม่ใช่แค่ของจีน)
“ซื้อก่อนประหยัดก่อน ซื้อที่หลังประหยัดกว่า”
#สโลแกนนี้เห็นกี่ครั้งก็ยังเจ็บ T-T

จุ๊บๆ
เอิร์น

AU

สมมุติ au ขายกล่องละ 55 บาท และขายได้ 1/3 ของสาขาทั้งหมด 14,730 สาขา หรือ รายได้เพิ่มขึ้นคร่าวๆปีละ 98 ล้านบาท หรือแค่ขาย sku เดียวก็เพิ่มรายได้เทียบปี 66 ประมาณ 8% แล้ว โดยไม่รวมที่ขายสินค้าอื่นๆ+ขยายสาขาอีก หุ้นที่พยายามจะขยาย TAM ออกไป นอกจากสาขาของตัวเอง ผมว่าต้องให้เครตดิต ผบห.เลยครับ

ปล. แอดไม่มีหุ้นนะครับ

Cybersecurity

ขอโทษที่หายไปนานครับ กลับมาตอนนี้ขอนำเสนอ Cybersecurity history แบบสั้นๆครับ
.
A brief history of Cybersecurity
====================
1) ยุคก่อนอินเทอร์เน็ต (1970s)
——————————-
– เริ่มจากเครือข่ายและภัยคุกคามช่วงแรกในยุคของเทคโนโลยี ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยุคแรก ๆ สำหรับการทหาร โดยไวรัสตัวแรกในยุคนั้น คือ Creeper สร้างโดยนักวิจัย Rob Thomas
– การทำงานของไวรัสตัวนี้ ซึ่งมันจะเคลื่อนย้ายจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งและแสดงข้อความว่า “I’m the creeper, catch me if you can!”
– เมื่อมีไวรัส ก็ต้องมี Antivirus โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสตอนนั้นคือ Reaper: เขียนโดย Ray Tomlinson ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อไล่ล่าและลบไวรัส Creeper ทำให้ Reaper นับเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวแรกของโลก

2) ช่วงทศวรรษ 1980
———————
– ช่วงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรม Cybersecurity เชิงพาณิชย์ โดยมีการพัฒนาที่สำคัญหลายอย่างเกิดขึ้นเช่น
– 1982: การเกิดขึ้นของ Antivirus ในเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทหลายแห่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เช่น การมาของ Norton (Symantec) ซึ่งน่าจะเป็น Antivirus เชิงพาณิชย์ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคย
– 1987: McAfee เป็นหนึ่งในบริษัทยุคแรกที่พัฒนา Antivirus และยังคงรักษาตำแหน่งการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
– 1988: Trend Micro เป็น AntiVirus น้องใหม่ดาวรุ่งในยุคนั้น
– 1989: เริ่มมี Firewall ในเชิงพาณิชย์ โดยบริษัท DEC (Digital Equipment Corporation) ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ มีวิธีปกป้อง Network ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม Firewall ที่ว่าก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งก็มีการพัฒนาไปพร้อมๆกับการเติบโตของ Internet เช่นกัน ในยุคนั้น ยังเป็นเพียงการ filter ตาม packet header ธรรมดา ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก
– 1993: Checkpoint Security ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะหนึ่งในบริษัท Firewall แบบ stateful (Firewall เริ่มสามารถที่จะเชื่อมโยงปะติดปะต่อรูปแบบของการโจมตีได้ดีขึ้น) ยุคแรกๆ Firewall แบบ stateful จะติดตามและตรวจสอบสถานะของเครือข่าย แทนที่จะเพียงวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อผ่านไฟร์วอลล์แบบ filter ธรรมดาๆเท่านั้น ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในเทคโนโลยีความปลอดภัยเครือข่าย

3) ยุคอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ (ทศวรรษ 2000 ถึงปัจจุบัน)
——————————————————-

ยุคนี้แบ่งออกเป็น ช่วงก่อนการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์และหลังคลาวด์ โดยในช่วงนี้ เทคโนโลยี Internet เติบโตอย่างรวดเร็วนำไปสู่ยุคฟองสบู่ดอทคอม รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ความซับซ้อนและความต้องการด้าน cybersecurity มีความหลากหลายมากขึ้น

3.1) ช่วงก่อนคลาวด์:
.
– ต้นทศวรรษ 2000: ยุคนี้ คำว่า Security ส่วนใหญ่ยังหมายถึง Firewall โดย Firewall รุ่นใหม่ เกิดขึ้นจากบริษัทที่กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม เช่น Fortinet ก่อตั้งในปี 2000 และ Palo Alto Networks ในปี 2005 โดย Firewall เหล่านี้มีการบันทึกและ analyze ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการสื่อสารของ Application ผ่านเครือข่ายและช่วยทำให้การควบคุมและป้องกันมีความสามารถที่มากขึ้น
– 2003: เมื่อปริมาณข้อมูลองค์กรเพิ่มขึ้น ทำให้เครื่องมืออย่าง Splunk เริ่มได้รับความนิยม โดย Splunk ที่ก่อตั้งในปี 2003 ได้ออกโซลูชันในการติดตามการไหลของข้อมุลและนำไปสู่การตรวจสอบและ response กับ cybersecurity ที่ทำได้ซับซ้อนมากขึ้น

3.2 ช่วงหลังคลาวด์:
.
เมื่อเทคโนโลยี Cloud ได้รับความนิยามมากขึ้น ทำให้รูปแบบของการใช้งานและ network architecture เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบ Cloud มากขึ้น ในยุคนี้ การเกิดขึ้นของการประมวลผลแบบคลาวด์ได้ช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ทำได้เร็วขึ้นอย่างมาก นำไปสู่บริษัทด้านความปลอดภัยแบบใหม่ๆ กล่าวคือ

– 2007: Zscaler ก่อตั้งขึ้น นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยเน้นไปเทคโนโลยีด้านการ monitor/filter traffic ระหว่าง user กับ cloud นำไปสู่เทคโนโลยี SASE (Secure Access Service Edge) หรือ SSE (Secure Service Edge) ที่เป็น subset ของ SASE อีกที รายละเอียดจะขอเล่าในตอนถัดๆไปนะครับ
– 2009: เมื่อการประมวลผลย้ายไปสู่ cloud มากขึ้น คำว่า Zero Trust เลยมีบทบาทมากขึ้น นำไปสู่ความสำคัญของ Identification โดยบริษัท Okta ก่อตั้งขึ้น มุ่งเน้นด้านการจัดการตัวตน (Identity) และการเข้าถึงข้อมูลและบริการในยุคคลาวด์ และบริษัทอย่าง CloudFlare ผู้นำด้าน DDos (distribututed denial of service) และ CDN (Content delivery network) security
– 2010: Datadog ก่อตั้งขึ้น ให้บริการการระบบสำหรับตรวจสอบและความปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันบนคลาวด์
– 2011: Crowdstrike ก่อตั้งขึ้น โดยเน้นไปที่ Endpoint security
– 2013: Gartner คิดคำว่า “Endpoint Threat Detection & Response” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint)

3.3. พัฒนาการจนถึงปัจจุบัน:
.
– บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้เข้าสู่อุตสาหกรรม Cybersecurity ที่จะมีความซับซ้อนที่มากขึ้น การแข่งขันที่สูงขึ้นและเป็นตัวเร่งนวัตกรรมในด้านนี้
– การมาของ AI ยิ่งทำให้ Cybersecurity มีความซับซ้อนและเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก
– บริษัทที่มีอยู่เดิมอย่าง Palo Alto Networks และ Crowdstrike ได้ขยายตัวเป็นแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจร นำเสนอบริการที่หลากหลายมากขึ้น
.
โดยสรุป จากภัยคุกคามที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะผลประโยชน์ที่ Attacker อาจจะได้หรือพูดอีกอย่างคือ ความเสียหายที่มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้:
.
– เกิดความหลากหลายของ Solution โดยมีโซลูชันเฉพาะทางมากมายสำหรับด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกัน
– การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้เล่นที่มีอยู่เดิมและผู้เข้ามาใหม่
– ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งต้องการกลไกป้องกันที่ซับซ้อนมากขึ้น
.
เนื่องจากในอุตสาหกรรมนี้ รูปแบบการโจมตีมีความหลากหลาย รวมไปถึงบุคลากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มักจะเป็นกลุ่มที่เรียกว่าหัวกะทิอยู่จำนวนมาก ทำให้อุตสาหกรรมค่อนข้าง Fragmented มาก แต่อย่างไรก็ตาม การส่วนตัวเชื่อว่า Resource ที่ต้องใช้ในการพัฒนา รวมไปถึงความสามารถในการ Detection & Response ที่เร็วๆขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่า มีโอกาสที่อาจจะเห็นการ consolidate ของอุตสาหกรรมได้ในอนาคต
.
ตอนถัดๆไป ผมจะค่อยๆแตะไปทีละ segment ว่าในอุตสาหกรรมนี้ มีส่วนไหนบ้างและใครเป็นผู้เล่นหลักใน segment นั้นๆครับ
.
ที่มา: Generative Value Substack
Chip Stock Investor channel: Cybersecurity

I2

บทสรุปประเด็นน่าสนใจ Company visit I2 วันที่28/6/2024
เป็นครั้งแรกของบริษัทที่รับcvจากนักลงทุนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินที่มาเลยครับ
ภาพใหญ่งบด้านพลังงาน 40,000ล้านบาทของEgat, จากการไฟฟ้า อีก100,000ลบ
วันนี้บ่ายฟังGulf ว่างบSolar batteryอีก10,000mw
จินตนาการไปไกลเป็นนักลงทุนไม้บรรทัดเลยเพราะ
งานBESS battery storage ที่เกาะสมุย50MW I2 ได้รายได้ไป1450 mb

ดูๆแล้วเป็นEngineering, Procurement, Constrution, Financing company งบรัฐบาลที่ออกช้าเป็นส่วนประสมที่ลงตัวงานปีนี้เข้าประมูลอีก1800ลบ ในครึ่งปีหลังจะดูว่าจะได้กี่ล้าน
ลองคำนวณดูปีนี้รับรู้BL ก็โต20%แล้ว การรับรู้รายได้เป็นS curve
งานBESS Q1 รับรู้200ลบ ภาระ1 รับรู้Q3อีก100ลบ
ต่อไปจะเป็นMAอีก24เดือน อีก200ลบ จะScodวันที่1กค67

งานให้บริการอินเตอร์เนตชายขอบ พื้นที่ห่างไกล รับรู้ปีละ240ลบอยู่ในปัจจุบัน
งบUso 8,000ลบ ในphase 2และอีก8,000ลบ ในphase3
บริษัทรอเข้าร่วมประมูล

ดูTAMค่อนข้างใหญ่ขึ้นอยู่กับI2จะcapture ได้แค่ไหน
วันที่25มิย เพิ่งเซ็นต์ MOU กับPEA อันนี้น่าสนใจลองดูproductได้จากlinkด้านล่าง
https://www.pixii.com/
Chapter ถัดไปในการเติบโตในอนาคตเปิด2บริษัท ไปตามmaga trend อย่าง ESG ( carbon foot print , carbon credit, IOT) & AI( SI digital tranformation , Visual low code)

MASTER

CV Master 2-7-24

สิ่งที่ทำให้ master แตกต่างจากคู่แข่ง

Product & service
Service แบบบริการโรงแรม 5 ดาว
ปรับห้อง consult เป็น clinic เล็กในโรงพยาบาลใหญ่ มี GM ของตัวเอง > มี KPI > ทำงานแบบ flexible > มีระบบ people management
ช่วงที่ผ่านมาปรับปรุงห้องพัก > นอนพักได้มีห้องน้ำในตัว
เดิมใช้ model เกาหลี 7,900 > ปรับเป็น 10,900 ( 12,900 มีห้องน้ำ 10 ห้อง )
7 ห้องแรก premium ห้องเต็มตลอด
ตอนนี้เพิ่มอีก 12 ห้อง จะเปิด 7/7

ห้องพักที่ recovery room ไม่คิดค่าใช้จ่าย
Q2 inline ตามแผน > จะโตเยอะ Q3 Q4
อัตราการ book ตอนนี้ 35-40% ( จ่ายเงินไว้แล้ว )
โดยมากจะ book ล่วงหน้า 1-2 เดือน

System & Human Resource
ดูแลแพทย์เหมือนดารา
ลูกค้า 90% มาจากทาง social
Master มีแพทย์ทั้งหมด 47 คน รวมทั้งเครือ 142 คน
Revise contract แพทย์เป็นสัญญาระยะยาวทั้งหมด >> เหลือ Vsquare กำลังปรับ

การตลลาด
ภาพ AD จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มี target สร้าง content.
Product มาแรง = menhealth โต 108%

หัตถการ top 5 >
Open rhinoplasty จำนวนแพทย์ 11 ท่าน สัดส่วนรายได้ 19.2%
Brow & facelift จำนวนแพทย์ 9 ท่าน สัดส่วนรายได้ 14.75%
Breast จำนวนแพทย์ 4 ท่าน สัดส่วนรายได้ 8.3%
Liposuction จำนวนแพทย์ 2 ท่าน สัดส่วนรายได้ 7.14%
Facial contouring > ยุบโหนก ตัดกราม ใส่ plate จำนวนแพทย์ 5 ท่าน สัดส่วนรายได้ 7.1%
เราทำ product แบบ overall คือทำทุกหัตถการ ยกเว้นแปลงเพศที่ ต้องมีจิตแพทย์ คุย 3 รอบ > ผ่า 10-12 ชั่วโมง ใช้เวลานานมาก > ทำจมูกรายได้ดีกว่าใช้เวลาน้อยกว่า

Q3 จะดีขึ้น เติบโต 20%
กำลังยื่นคำร้องย้ายไป set ใช้เวลา 4-6 เดือน

คนส่วนมากจะหาข้อมูลก่อนในช่วงครึ่งปีแรก > ตัดสินใจมาทำเอาครึ่งปีหลัง
Revenue 1H เป็นประมาณ 41-45% ของทั้งปี / Net Profit 1H เป็นประมาณ 37-45% ของทั้งปี
ส่วนใหญ่จ่ายสดหรือโอน > ค่าธรรมเนียมบัตรใช้ไม่ถึง 4%
สัดส่วนผู้ชายแพิ่ม เป็น 27.17% ส่วนใหญ่กรอโหนกคิ้ว / ปลูกผม / men health
หัตถการที่ LGBTQ นิยมทำ > เสริมหน้าผาก

สัดส่วนตามอายุ 30-39 มากที่สุดที่ 37.5%
น้อยกว่า 30 ปี 26.90%
40-49 ปี 22%
50-59 ปี 9.60%
มากกว่า 60 ปีเพิ่มจาก 1 เป็น 3.8% โตขึ้น >> ตลาดผู้สูงอายุกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ
สัดส่วนลูกค้าต่างชาติ By Revenue 1Q24 22.13% / By Number 13.40% >> Ticket size มากกว่า + ทำหลายหัตถการพร้อมกัน
อันดับต่างชาติที่เข้ามาทำศัลยกรรม 1.Indonesia 2.Cambidian 3.Myanmar 4.China

เป้าหมายเราคือการปีนขึ้นไปยอด Everest
ตอนนี้อยู่ camp2+ ทำไปแล้ว15 ดีล
Wind > Q1/25 ปรับเป็น “โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งแรกในภาคอีสานตอนล่าง”
Typ > Q1/25 “เป้าเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในหาดใหญ่และภาคใต้ภาคใต้ตอนล่าง”
Aurora จะขยายคลีนิคหรือปรับเป็นโรงพยาบาล
Vsquare แผน Spinoff เข้าตลาด ( เริ่มนับ 1 ปี ครบ 3 ปีเข้าตลาด )
KIN แผน Spinoff เข้าตลาด ( เริ่มนับ 1 ปี ครบ 3 ปีเข้าตลาด )

Dr.Chen “เป้าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้าน Facial Surgery อันดับ 1 ของไทย”
Rattinan > ตัดกระเพาะ > เป้าหมายเป็น 1 Stop Service ของ Body Surgery /Treatment
CNH รวม 5 location > “สร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุ” ขนาด150 เตียง
ราคาเตียงเดี่ยว 80,000 รวม 35,000 ไม่รวมอาหาร

Vsquare > skin ฉีด > เป็น Clinic No.1 ด้านหัตถการฉีด
S45 เสร็จดีล Q3 ต้องการ“เอาเงินไปสร้างเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางจมูก” >> เพิ่มหัตถการ Face lift

กรวินทร์ ดีล 15% จะเพิ่มอีก 25% ปลาย Q3 รวมเป็น 40% “กำลังจะเปิดโรงพยาบาลศัลกรรมในขอนแก่น ปลายปี ถัดไปคือภาคตะวันออก”

Me center “ตั้งโรงพยาบาลด้านสุขภาพจิต” แบบรับคนไข้ค้างคืน

Consolidate กลุ่มผม “ รวมทั้งกลุ่มมี Market Share เกิน 50% เป็นผู้นำตลาดด้านการปลูกผม ”
The skin > เทคนิค long hair
BEQ > Premium

Twinkle star รายการแฉ, คุยแหลกแดกดึก, คชาภา พาไปมู
Kin Coperation > billboard > ทำให้ค่า marketing ลดลง > focus มากขึ้น > ลด cost 30%
S code > ซิลิโคนจมูก = ต้นน้ำ เป้า Market Share ในไทย 30% ภายใน 2568

Vsqaure + 5 สาขา ( ต้นปีเปิดไปแล้ว 2 รวมปีนี้ 7 สาขา )
Rattinan หยุดสร้างโรงพยาบาล > มาใช้ของ master ลด cost 25%

Human & Resource
การคัดกรองคน
Awareness > consideration > purchase
ลูกค้า repurchase 15%

ข่าวดาราฟ้อง เลอลักษณ์
มีดาราหลายคนมาขอทำแต่บอกว่าถ้าหน้าไม่ดี (ก่อนทำ) ห้ามโพสต์ > หรือ ทำหัตถการนึงให้บอกอีกอันนึง
ปัญหาเดิมของเลอลักษณ์คือเค้าเอารูปตอนก่อนทำหรือทำแล้วยังไม่สวยไปโฆษณา
Influencers ไม่ได้ฟรีทั้งหมด > ขึ้นกับ หมอ ความยาก > ถ้าเป็น เคสแก้จะยากมาก
Influencer 1,200 follower 1.2million eye balls

การเลือกคนที่ถูก = แก้ปัญหาไปแล้วครึ่งนึง
ก่อนหน้านี้เราเป็นคลีนิค > ปรับเป็นบริษัทปี 2018
หมอเสเก่งเรื่องกลยุทธ์ + พี่ดาวที่เก่ง execution

มีระบบ baseball card
พี่ดาว Type เป็น ESTJ /Type3 = archiver > เหมาะกับ management

จุดแข็งของ ESTJ = กระทิง
ทุ่มเทให้การทำงาน ตรงไปตรงมา เฉียบขาด ตัดสินใจในภาวะฉุกเฉินได้ดี ใส่ใจในรายละเอียด จำเก่ง
การรับสมัครงานใช้ระบบ one page interview

Organic & inorganic
ต่างชาติ 25-30% ไทยยังโตดี / หลาย trend เพิ่มขึ้นสูงอายุมาทำมากขึ้น
ส่วนแบ่งกำไร 2H จะเร่งตัวขึ้น
Q3 มีส่วนแบ่งกำไรเข้ามาอีก 6 partner
มองเป็น specialty hospital group > นึกถึง ความงาม ศัลยกรรม นึกถึง MTP

Q&A
จะปิดตลาดไปทีละ หัตถการก่อน
ยังไม่ทำเรื่อง sex change

Q เงิน ipo เหลือเท่าไหร่ทำยังไงต่อ
A 300 ล้านหลังจากนี้ จะมีดีลใหญ่ปลายปี/ ถ้าจะกู้ก็มีให้เทียบอยู่ 5 ที่

Q  good view เยอะแค่ไหน
A ต้องดูตอนราคาที่เราซื้อตาม PE ตอนนี้ไม่เกิน 7 > ไม่มี good view

Q แผนหลังเข้า set
A ตามแผนเดิม > กองทุนเข้าได้

Q Ma โรงพยาบาลใหญ่มั้ย
A อาจจะมีไปใช้พื้นที่ของบางโรงพยาบาล แต่ต้องไม่ overlap กับ partners

Q ตอนทำ deal ตอนนี้ partner มาหาเรามั้ย
A มี connection ในการคุยตั้งแต่ก่อน ipo / ตอนนี้คนเข้ามาหาเรา / ต้องดูว่ามี DNA ที่ตรงกันมั้ย / มี Growth Mindset เหมือนกัน

Q ทำไมเราถึงจะ consolidate ตลาดได้
A เรามองทุกคนเป็น partners
ตอนเข้าตลาด ตลาดตรวจเราแบบเข้มข้นมาก ทุกใบเสร็จต้องมีสำเนาบัตรประชาชนแนบ
พอเข้าตลาดเราเริ่ม จาก deal wind ซึ่งหมอเป็น celebrity > cross border ต้องเป็นจุดที่มีเครื่องบินลง
เราเอากระบวนการทำงานเหมือนตอนเราเข้าตลาดไปถ่ายทอดให้ Partners ทุกคนใช้ Big4 เข้าไปช่วยทำบัญชี / เราเข้าไปช่วยปรับระบบหลังบ้าน / การทำการตลาด

ต่อมาเรา consolidate หัตถการ > เช่น ผม จมูก
ผม > 50%
จมูก 55-60%

ปกติแต่ละที่จะดังแค่หัตถการเดียว เช่น ดูดไขมัน > เราเข้าไป join เพื่อ เสนอหัตถการใหม่ๆเพื่อต่อยอด
และได้ในเชิง economy of scale > ต้นทุนลด > เพิ่ม Purchasing Power

Q ดีลที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ยังคุยอยู่มั้ย
A ยังมีคุย

Q ดี vsquare ที่ซื้อ PE15 ปีนี้น่าจะ contribute เท่าไหร่
A กำไรรวมเค้าน่าจะ 80-100 ล้านในปีนี้ เพราะมีการปรับส่วนของหลังบ้านด้วย

Q เวลาซื้อคาดหวังยังไง
A return > 10% ต่อปี
เรามีการเข้าไปพบ partner ทุกเดือน /ประชุม 2 อาทิตย์ครั้งหลัง 2 ทุ่ม – เที่ยงคืน จะสลับคุยทีละ partner
เช่นเอาระบบ sales เราเข้าไปช่วย

Q เค้ามา share resource กับเราบางส่วน
A มองเป็นการ Synergy กัน

Q การเอาหมอไปออกตรวจที่ partner เพิ่มรายได้ยังไง
A แล้วแต่ที่ เช่น เราเพิ่มหัตถการ surgery อาจจะเพิ่มรายได้ 20% ( เช่น wind )

Q การเซนต์สัญญากับหมอ เป็นระยะยาว เค้ายอมมั้ย
A เราแสดงให้เห็นถึง culture ของเรา > โดยเฉพาะเรืองสัญญาแพทย์
เอา influencer แพทย์เราไปช่วยคุย แนะนำ / ตอนนี้ไล่เซนต์ครบทั้งหมด
ที่ไหนอยากเข้าตลาด เราทำระบบให้พร้อม

Q ถ้าถึง Everest แล้วคิดว่าสัดส่วนกำไรจะเป็นยังไง
A เป้ากำไร เรา 50% partner 50%

Q เป้าโต 35% CAGR > ปีนี้เป้าแค่ 20%
A จะค่อยๆโตขึ้นตามการเติบโตของเราและ Partners

Q แผนการเพิ่มรายได้จากลูกค้าต่างชาติ
A เรายัง inline
ลูกค้าไทย per bill ลดลง / ต่างชาติ per bill เพิ่มขึ้น
เรามี option ทำราคาดี
ลูกค้าจีนเพิ่มจาก 11 > 14%
อินโด agency อาจจะมาเที่ยวก่อนและทำศัลยกรรมแล้วกลับ / เราทำสัญญากับโรงแรมรอบๆ
อินโดรัฐบาลไม่ค่อยสนับสนุน เค้าเลยมาไทย ไม่ไปเกาหลีเพราะเราใกล้กว่า

Q เป้าหมายสัดส่วนต่างชาติ
A ไทย 60% ต่างชาติ 40% > ต้องมีคนไทยเป็น base เพื่อสร้างฐานในการ Promote

Q ปัจจัยที่เราพึ่งคนไทยมากๆ
A เราได้เรื่อง word of mouth > เปลี่ยน หัตถการไปตามเทรน เช่นเมื่อก่อน หน้าอกใหญ่ ตอนนี้เล็ก > ต้องทำเพิ่ม
หลัง 2 ปีนี้ เราจะเริ่มไปต่างชาตินอก CLMV

Q case ที่ลูกค้าไม่พอใจ manage ยังไง
A กรณี influencer ต้อง sign สัญญา
อื่นๆ จะมี consent. มีการคุยกัน 3 รอบ ว่าต้องการแบบไหน
จะมีบ้างเช่นลูกค้าเรียกร้อง > ก็สู้กัน ทุกครั้งเราชนะ > ในกรณีที่ลูกค้าผิดหรือเรียกร้องมากกว่าที่ตกลงกัน
เคสติดเชื้อ ถ้ามีการเลี้ยงสัตว์เราจะแจ้งว่าห้ามอยู่ใกล้สัตว์หลังผ่าตัด

มีการตั้งค่า เผื่อแก้ให้ 1.5% ของรายได้ (ปกติใช้ไม่ถึง)
เคสแก้หมอไม่ได้ค่า Df

Q ถ้าเราออกนอก CLMV / anatomy ไม่เหมือนกัน
A จะมีอาจารย์แพทย์ไปเทรน แล้วมาสอน ระบบหัตถการใหม่ๆ
– เช่นจะมีไปดูเทรนเกาหลี ดูเทรนใหม่ๆ

Q turn over rate พนักงาน
A หลังทดลองงาน ไม่ถึง 3%
ก่อนทดลองงาน 30% > ไม่ fit กับ culture
อายุเฉลี่ยของพนักงาน 28-35 ปี
C level อายุ 39 ปี

Q หมอเกาหลี ที่ terminate ใน Q4
A เราจะไปดูเทรนด์ถ้ามี อะไรเพิ่มก็สามารถ เชิญกลับมาทำใหม่ได้ > เช่นเลื่อนกราม
พี่ดาวกับหมอเสกำลังจะบินไปเกาหลีเพื่อดู Trend ใหม่ๆเพิ่มเติม

Q ตัวปลูกผม มีแผน scale ยังไง
A ตอนนี้เข้าไปช่วย กรวินทร์แล้ว 10 สาขา / Typ ไปช่วยแล้ว

Q รายได้จากศัลยกรรม 80%
A จาก mtp อย่างเดียว

Q บริษัทที่ไป MP มี contract ยาวแค่ไหน
A เป็นการลงทุนแล้วออกไม่ได้

Q เงิน ipo
A อยู่ในงบดุล ส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนระยะสั้น

TSLA

🧐เปิดตลาดมา Tesla +7% ! ผ่านมา 5 วัน +22% แล้ว หลังยอดส่งมอบรถออกมาสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ลดลง YoY … Stifel Initiates ให้เป้าราคาสูงสุด $265 👇


🟢รายงานตัวเลขการส่งมอบรถใน 𝐐𝟐 ของ 𝐓𝐞𝐬𝐥𝐚

🔸ยอดการส่งมอบทั้งหมดในไตรมาสที่ 2: 444,000 คัน; ลดลง -4.8% YoY (สูงกว่าคาดการณ์ 438,000 คัน)

🔸Model 3/Y: 422,405 คัน

🔸รุ่นอื่น ๆ รวมถึง Cybertruck: 21,551 คัน

🔸ยอดการผลิตทั้งหมดในไตรมาสที่ 2: 411,000 คัน; ลดลง -14.4% YoY

🔸Tesla กล่าวว่าได้ปรับใช้ผลิตภัณฑ์ Energy storage 9.4 GWh ใน Q 2 ซึ่งเป็นการใช้งานรายไตรมาสที่สูงที่สุด


🟢𝐒𝐭𝐢𝐟𝐞𝐥 𝐈𝐧𝐢𝐭𝐢𝐚𝐭𝐞𝐬 แนะนำ 𝐁𝐮𝐲 ราคาเป้าหมาย $𝟐𝟔𝟓 วิเคราะห์👇

🔸คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างมั่นคงในหลายปีจากปี 2025-2027 และต่อไป

🔸การเติบโตในระยะสั้นจะขับเคลื่อนโดย Model 3 ที่ปรับปรุงใหม่และการปรับโฉม Model Y ที่กำลังจะมาถึง

🔸คาดว่าจะมีความต้องการสูงสำหรับ Model 2 รุ่นถัดไป

🔸มีศักยภาพในการขาย FSD การให้สิทธิ์ใช้งาน และยังมี RoboTaxi ในระยะยาว รวมถึง AI สำหรับ FSD ด้วย


🟠𝐖𝐞𝐥𝐥𝐬 𝐅𝐚𝐫𝐠𝐨 ให้ 𝐔𝐧𝐝𝐞𝐫𝐰𝐞𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐑𝐚𝐭𝐢𝐧𝐠 พร้อมราคาเป้าหมาย $𝟏𝟐𝟎

🔸การเติบโตของการส่งมอบลดลง เนื่องจากความต้องการลดลงและรายได้ที่ลดลงจากการลดราคา

🔸ประมาณการการส่งมอบในปี 2024: ประมาณ 1.55 ล้านคัน ลดลงประมาณ 14% YoY และต่ำกว่า Consensus ประมาณ 13%

🔸Gross Margin จากรถยนต์ไม่รวมเครดิตคาดว่าจะลดลงประมาณ 210 basis points เมื่อเทียบ YoY

🔸คาดว่า การส่งมอบที่ลดลงและการลดราคากำลังทำให้ EPS ลดลงประมาณ 44% YoY ในปี 2024

.
✨พิจารณากันเอานะครับ แอดแปะให้ทั้ง 𝐒𝐭𝐢𝐟𝐞𝐥 𝐈𝐧𝐢𝐭𝐢𝐚𝐭𝐞𝐬 และ 𝐖𝐞𝐥𝐥𝐬 𝐅𝐚𝐫𝐠𝐨 อย่าลืมเอาไปวิเคราะห์เองด้วยนะ …

.


ꜱᴏᴜʀᴄᴇ: ᴡᴇʟʟꜱ ꜰᴀʀɢᴏ, ꜱᴛɪꜰᴇʟ ɪɴɪᴛɪᴀᴛᴇꜱ , ᴛᴇꜱʟᴀ ʀᴇᴘᴏʀᴛ
.

ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน #ลงทุน #ลงทุนอะไรดี #หุ้น #หุ้นอเมริกา #ดาวโจนส์ #กองทุนรวม #หุ้นสหรัฐ

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น